แนวคิดสู่ความสำเร็จการเลี้ยงลูก เริ่มได้ด้วยการ Open Mindset
แนวคิดสู่ความสำเร็จเป็นกุญแจสำคัญในการเลี้ยงลูก เพราะการเลี้ยงลูกไม่ได้ขึ้นอยู่กับวิธีการเลี้ยงดูเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีความเกี่ยวข้องกับการมี Mindset ที่ดีในการใช้ชีวิตของคุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองอีกด้วย การมีกรอบความคิดที่ดี รู้จัก Open Mindset เปิดรับความคิดเห็นของลูก ๆ และพร้อมเรียนรู้ไปด้วยกัน สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่มีความเข้าใจลูกมากขึ้น ทั้งยังมีการส่งเสริมพัฒนาการที่ดี สร้างเสริมความสัมพันธ์ภายในครอบครัว นอกจากนี้การมีพื้นที่ปลอดภัย (Safe Zone) ให้แก่ลูก ยังช่วยให้ลูกเห็นคุณค่าในตัวเอง เรียนรู้และเติบโตได้อย่างอิสระ โดยไม่เกรงกลัวสิ่งใด
บทความที่ครูแก๊ปแห่ง SMART-i Camp นำมาฝากในวันนี้ จะช่วยทำให้คุณพ่อคุณแม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับการให้ความสำคัญของการเลี้ยงลูกด้วย Growth Mindset หรือแนวคิดสู่ความสำเร็จมากยิ่งขึ้น และทำความรู้จักภาวะ Fixed Mindset ที่หยุดยั้งการพัฒนาของสมองและความคิด ตลอดถึงวิธีการปรับตัวจากภาวะ Fixed Mindset เพื่อมี Mindset ที่ดีในการใช้ชีวิต
Fixed Mindset กรอบความคิดต้องเปลี่ยนเพื่อแนวคิดสู่ความสำเร็จ
การเลี้ยงลูกที่ดีเป็นความท้าทายของคุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองหลายคน เพราะการเลี้ยงลูกที่ดีไม่เพียงขึ้นอยู่กับการมอบความรู้ ความปลอดภัย และการดูแล แต่ยังต้องมีการส่งเสริมให้ลูกเกิดการเรียนรู้และเติบโตในโลกแห่งการเปลี่ยนแปลงได้มีประสิทธิภาพ แต่คุณพ่อคุณแม่หลายคนยังคงประสบปัญหาการเลี้ยงลูกแบบติดอยู่ในกรอบความคิด Fixed Mindset ซึ่งเป็นสิ่งขัดขวางไม่ให้ลูกเกิดการพัฒนาตัวเอง เนื่องจากมีความเชื่อที่ว่าทุกสิ่งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แม้จะใช้ความพยายามมากแค่ไหนก็ตาม การเปลี่ยน Fixed Mindset จึงเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ หากอยากมีแนวคิดสู่ความสำเร็จ
ครูแก๊ปเชื่อว่าเมื่อคุณพ่อคุณแม่เห็นคุณค่าในตัวเองและมี Mindset ที่ดีในการใช้ชีวิตแล้ว จะนำไปสู่การสร้าง Safe Zone หรือพื้นที่ปลอดภัยให้แก่ลูก เพื่อให้ลูกกล้าที่จะลองผิดลองถูก เรียนรู้ข้อผิดพลาด และแสดงความคิดเห็นออกมาโดยไม่กลัวการถูกวิพากษ์วิจารณ์ มีความมั่นใจในการเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ ยิ่งขึ้น รวมถึงไม่สูญเสียโอกาสในการเรียนรู้และเติบโต สิ่งเหล่านี้จะช่วยชักนำให้ทั้งคุณพ่อคุณแม่ และลูก ๆ หลุดจากกรอบความคิด Fixed Mindset เนื่องจากการมี Fixed Mindset อาจส่งผลกระทบด้านพฤติกรรมต่าง ๆ ที่ทำให้เป็นกังวลได้ ดังนี้
พฤติกรรมและความเกรงกลัวของ Fixed Mindset
Fixed Mindset เป็นกรอบความคิดถูกจำกัดขอบเขตอย่างตายตัว ถือเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเติบโตและความสำเร็จ เพราะผู้ที่มีความคิดแบบ Fixed Mindset มักหลีกเลี่ยงความล้มเหลวที่อาจ
มองดูเหมือนกับการปกป้องตัวเองจากความรู้สึกไม่ดีที่เข้ามาหากทำผิดพลาด เป็นสาเหตุให้เกิดการปิดกั้นและจำกัดการเรียนรู้ของตัวเอง ไม่ยอมก้าวออกจาก Comfort Zone เพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ ส่งผลให้พลาดโอกาสสำคัญต่าง ๆ ที่เข้ามาในชีวิต นอกจากนี้ผู้ที่มีกรอบความคิด Fixed Mindset ยังมีความเกรงกลัวต่อเรื่องอื่น ๆ ด้วย ไม่ว่าจะ
กลัวความเจ็บปวดจากการ Humiliate
ผู้มีกรอบความคิด Fixed Mindset มักมีความรู้เกรงกลัวและไม่ต้องการรู้สึกเจ็บปวดจากการถูกฉีกหน้า (Humiliate) หรือการถูกทำให้อับอาย จึงเกิดการหลีกเลี่ยงหรือต่อต้านการเผชิญหน้ากับความท้าทายและคำติชมที่ทำให้รู้สึกไม่ดี เพราะกลัวการด้อยค่าจากการทำผิดพลาด และพลาดโอกาสในการเรียนรู้จากการลองผิดลองถูกไป
กลัวการแข่งขัน เพราะเชื่อว่าเป็นเรื่องของการแพ้-ชนะ
การแข่งขันเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาทักษะได้เป็นอย่างดี แต่สำหรับผู้ที่มีกรอบความคิด Fixed Mindset การแข่งขันเป็นสิ่งที่อาจนำไปสู่ความรู้สึกด้อยค่าหรือสูญเสียความมั่นใจ ทำให้ไม่ชอบการแข่งขันเนื่องจากกลัวที่จะแพ้และถูกฉีกหน้า (Humiliate) นั่นเอง
กรอบความคิด Fixed Mindset ภาวะสมองหยุดการเติบโตที่คุณไม่รู้
ผู้ที่มี Fixed Mindset มีแนวคิดว่าความสามารถ สติปัญญา และพรสวรรค์ของตัวเองมีอยู่อย่างจำกัด เป็นสิ่งที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ไม่สามารถพัฒนาหรือเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นได้ เกิดมาอย่างไรโตขึ้นไปก็เป็นอย่างนั้น จึงเกิดการยึดติดในตัวเอง ทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว ไม่มีการพัฒนาตัวเองให้เกิดการเรียนรู้ เนื่องจากกลัวความผิดพลาดที่ยังไม่เกิดขึ้นในอนาคต แต่ทราบหรือไม่ว่า ในปัจจุบันมีการพบงานวิจัยด้านสมองเกี่ยวกับภาวะ Plasticity ซึ่งเป็นภาวะที่อาจจะทำให้ผู้ที่มีกรอบความคิด Fixed Mindset ตระหนักได้ว่า ความสามารถของคนเราไม่ใช่สิ่งตายตัว และอาจนำไปสู่การพัฒนาตัวเอง เปลี่ยนกรอบความคิดที่ถูกจำกัดเป็น Growth Mindset
เมื่ออ่านถึงตรงนี้แล้ว คุณพ่อคุณแม่อาจสงสัยว่าแล้วภาวะสมอง Plasticity ที่เป็นกุญแจสำคัญให้ตระหนักและหลุดพ้นจากกรอบความคิด Fixed Mindset คืออะไร? วันนี้ครูแก๊ปแห่ง SMART-i Camp จะพามาไขข้อข้องใจไปพร้อม ๆ กันเลย
สภาวะในสมอง Plasticity คืออะไร
ภาวะสมอง Plasticity หรือภาวะการปรับตัวที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา เป็นแนวคิดทางวิทยาศาสตร์เพื่อส่งเสริมว่าความคิดที่ว่าความสามารถและการเรียนรู้ต่าง ๆ สามารถพัฒนาได้ตลอดชีวิต ซึ่งเป็นหนึ่งใน Mindset ที่ดีในการใช้ชีวิต โดยสมองจะทำการสร้างเซลล์ประสาท (Neurons) ใหม่ ๆ และเชื่อมต่อระหว่างเซลล์ตามสถานการณ์ ประสบการณ์ การเรียนรู้ รวมไปถึงการฟื้นฟูจากการเจ็บป่วย ดังนั้นภาวะสมอง Plasticity จึงเป็นตัวสนับสนุนที่ดีให้สามารถพัฒนาตัวเองและเรียนรู้การปรับตัวใหม่ ๆ เปลี่ยนกรอบความคิดสู่ Growth Mindset
เมื่อทราบแล้วว่าสมองมีภาวะ Plasticity หรือภาวะการปรับตัวที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดชีวิต แม้จะอายุมากขึ้นจนเป็นผู้สูงวัย แต่ถ้าได้รับการกระตุ้นอย่างเหมาะสม จนทำให้ Open Mindset มีการเปิดกว้าง หรือมีกรอบความคิดที่ดีแบบ Growth Mindset ย่อมช่วยให้สมองได้รับการพัฒนาและเกิดการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้สูงวัยมีพัฒนาการทางสมองที่ดี
แนวคิดสู่ความสำเร็จส่งผลสำคัญในการกระตุ้นการพัฒนาของสมองที่ดี
แนวคิดสู่ความสำเร็จในการเลี้ยงลูกของคุณพ่อคุณแม่มีผลต่อกรอบความคิดและพฤติกรรมเป็นการกระตุ้นการพัฒนาของสมองที่ดีของลูกน้อย ซึ่งเป็นหนึ่งในส่วนสำคัญของการสร้าง Growth Mindset กระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมบวกหรือความคิดสร้างสรรค์ ทั้งยังช่วยสร้างแรงจูงใจในการพัฒนาตัวเอง ทำให้เด็ก ๆ รู้จักเรียนรู้ความผิดพลาด ความล้มเหลว และการปรับตัวในสถานการณ์ต่าง ๆ ตลอดถึงเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความยืดหยุ่น (Resilien) หรือการที่ล้มแล้วสามารถลุกได้เร็ว สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้การเห็นคุณค่าในตัวเอง (Self – Esteem) สูงขึ้น เพราะทุกความล้มเหลวทำให้ได้เรียนรู้และเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
ส่องเหตุการณ์ที่มีผลต่อการจดจำของเด็กสู่การเกิด Self-Esteem
ทราบหรือไม่ว่าเหตุการณ์ต่าง ๆ รวมถึงสภาพแวดล้อมรอบตัวที่ลูกน้อยได้พบเจอมีผลทำให้เกิด Self-Esteem หรือการเห็นคุณค่าในตัวเองของลูก ๆ ที่แตกต่างกันไป โดยเด็กที่มี Self-Esteem สูงมักอยู่ในสถานการณ์ที่ดี ได้รับการสนับสนุนจากคุณพ่อคุณแม่ ได้พบเจอการประสบความสำเร็จและเกิดความภูมิใจในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ตลอดถึงได้รับคำชมเชยและการยอมรับที่ทำให้รู้สึกมีคุณค่า แต่เด็กที่มี Self-Esteem ต่ำจะพบเจอเหตุการณ์ที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง เช่น โดนวิจารณ์หรือโดนลงโทษจนเกิดการด้อยค่าในตัวเอง ถูกกลั่นแกล้ง ถูกเปรียบเทียบกับเด็กคนอื่นจนสูญเสียความมั่นใจ
การที่เด็ก ๆ ได้พบเจอเหตุการณ์เหล่านี้ มีผลทำให้เด็กเกิดการจดจำและส่งผลอย่างมากต่อการเห็นคุณค่าในตัวเอง (Self-Esteem) ซึ่งในส่วนนี้ครูแก๊ปแห่ง SMART-i Camp จะพาคุณพ่อคุณแม่และผู้ปกครองทุกท่านไปดูว่าผลที่เกิดจากการพบเจอเหตุการณ์เหล่านั้น จนทำให้เกิด Self-Esteem ที่แตกต่างกัน
การมี Self-Esteem สูง ตัวตนแข็งแรง
เมื่อเด็ก ๆ พบเจอสถานการณ์ที่ดี ย่อมเกิด Self-Esteem สูง ทำให้มีตัวตนแข็งแรง หรือมีความมั่นใจสูงเพราะเชื่อว่าตัวเองมีคุณค่า สามารถเผชิญหน้ากับปัญหาและความท้าทายได้อย่างไม่เกรงกลัวความล้มเหลว มีผลอย่างมากในด้านการพัฒนาตัวเอง โดยการมี Self-Esteem สูง ส่งผลต่อพฤติกรรมด้านต่าง ๆ ของเด็ก เช่น
- การกล้ายอมรับความจริง
- พร้อมปรับเปลี่ยนตัวเองให้ดียิ่งขึ้นตลอดเวลา
- สามารถรับมือกับความล้มเหลวได้
- มุ่งมั่นที่จะบรรลุในเป้าหมายที่ตั้งให้ลุล่วง
- กล้าลองทำสิ่งใหม่ ๆ
- มีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง เนื่องจากกล้าที่จะเปิดใจพูดคุย
การมี Self-Esteem ต่ำ ตัวตนไม่แข็งแรง
แน่นอนว่าสถานการณ์หรือสภาพแวดล้อมที่ไม่ดีจะหล่อหลอมทำให้เด็ก ๆ เกิด Self-Esteem ต่ำ เกิดความรู้สึกด้อยค่าและความไม่มั่นใจในความสามารถของตัวเองจนไม่สามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้ ซึ่งส่งผลต่อพฤติกรรมของเด็ก ๆ เช่น
- เกิดการตัดสินตัวเองว่าไม่ดี
- โทษคนอื่น
- หลีกเลี่ยงการเผชิญกับความท้าทาย
- กลัวการเริ่มต้นใหม่หรือการทำสิ่งใหม่ ๆ
- ไม่กล้าแสดงออก
กรอบความคิด Fixed Mindset ในเด็กที่สามารถสังเกตได้จากพฤติกรรม
ภาวะ Fixed Mindset หรือการที่มีกรอบความคิดหยุดนิ่ง เป็นภาวะจากแนวคิดที่ว่าความสามารถ ทักษะด้านต่าง ๆ ของตัวเองไม่สามารถพัฒนาหรือเปลี่ยนแปลงได้ โดยเด็กที่มีภาวะ Fixed Mindset สามารถสังเกตได้จากการตอบสนองต่อพฤติกรรม เช่น การกลัวความล้มเหลว หลีกเลี่ยงการเผชิญความท้าทาย หลีกหนีออกจากกลุ่มเพื่อน ไม่พูดคุยกับผู้อื่น ติดอยู่ใน Comfort Zone ของตัวเอง ไม่ยอมรับความคิดเห็นหรือไม่ยอมรับคำติชม หรือพฤติกรรมที่คล้ายกับ Perfectionsit เชื่อว่าหากมันยังไม่ดี ยังไม่มั่นใจ ก็จะไม่ทำสิ่งนั้น
วิธีในการปรับตัวจากภาวะ Fixed Mindset ด้วยแนวคิดสู่ความสำเร็จ
ในโลกแห่งการเปลี่ยนแปลง Mindset ที่ดีในการใช้ชีวิตเป็นสิ่งสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ควรมีการปลูกฝังลูกน้อยตั้งแต่ยังเด็ก เพื่อให้เขามีกรอบความคิดที่ดี และส่งเสริมให้เกิดการเห็นคุณค่าในตัวเอง (Self-Esteem) ที่สูงขึ้น โดยวิธีการปรับตัวจากภาวะ Fixed Mindset ที่คุณพ่อคุณแม่สามารถนำไปปรับไปใช้ในการเลี้ยงลูกได้ มีดังนี้
- การสร้างพื้นที่ปลอดภัย หรือ Safe Zone ทำให้เด็ก ๆ แสดงออกได้อย่างอิสระ กล้าจะพูด กล้าทำ ช่วยให้ผู้ใหญ่เข้าใจมุมมองของเด็กมากขึ้น เช่น การที่ไม่ทำ ไม่ใช่ว่าขี้เกียจ แต่เพราะขาดความมั่นใจ
- ปิดพื้นที่การสนทนาที่ปราศจากความรุนแรง หรือ Non Violence Communication เป็นการ Open Mindset รับฟังซึ่งกันและกันอย่างเคารพ โดยปราศจากอคติ ความรู้สึกผิดหรือความเขินอาย
- พัฒนาการฟังแบบ Deep Listening ใส่ใจการพูดของเด็ก ๆ อย่างแท้จริง เป็นการฟังให้ลึกกว่าคำพูด ได้ยินสิ่งที่เด็ก ๆ ไม่ได้พูดออกมา เช่น อารมณ์ ความต้องการ ความรู้สึก โดยไม่มีการตัดสิน
- แสดงถึงความเข้าอกเข้าใจ (Empathy) รวมถึงให้การยอมรับลูกในแบบที่เขาเป็น เพื่อให้เขามีการเห็นคุณค่าในตัวเอง (Self-Esteem) สูงขึ้น
- สร้างความไว้ใจให้แก่เด็ก ๆ ด้วยการสื่อสารที่ดีระหว่างกัน ทำให้เกิดการ Reflection ขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการสะท้อนความรู้สึกออกมาผ่านคำพูด เด็ก ๆ จะมีความรู้สึกร่วม และเกิดการเรียนรู้พัฒนา
- การเรียนรู้จากความล้มเหลวหรือความผิดพลาดของตัวเอง ถือเป็น Mindset ที่ดีในการใช้ชีวิตจากทัศนคติเชิงบวก หรือสิ่งที่คนไทยเรียกว่า ผิดเป็นครู You Win or You Learn Mindset
หากกำลังหาตัวช่วยพัฒนาแนวคิดสู่ความสำเร็จ สามารถดูได้ที่นี่!
เมื่ออ่านมาถึงตรงแล้ว ครูแก๊ปเชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่ หรือผู้ปกครองหลายคนมีความคิดที่อยากปรับเปลี่ยน Mindset เพื่อให้ลูกน้อยได้รับการพัฒนาและไม่ติดอยู่ในกรอบความคิดที่ส่งผลให้การเห็นคุณค่าในตัวเอง (Self-Esteem) ต่ำลง ดังนั้นแนวคิดสู่ความสำเร็จจึงเป็นสิ่งจูงใจทำให้คุณพ่อคุณแม่หลายคนอยาก Open Mindset และทำให้ลูกน้อยได้รับการพัฒนาทักษะ ความรู้ต่าง ๆ อย่างถูกต้องเหมาะสม ตลอดถึงสามารถเติบโตได้ในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงได้อย่างแข็งแกร่ง
หากคุณพ่อคุณแม่กำลังมองหาตัวช่วยพัฒนาแนวคิดสู่ความสำเร็จสำหรับเด็ก ๆ แล้ว Summer Course เป็นสิ่งที่ห้ามพลาด มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการมอบโอกาสให้เด็ก ๆ สามารถพัฒนาในทุกด้านกับครูแก๊ปแห่ง SMART-i Camp ได้เลย
ครูแก๊ปหวังว่าคุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครอง รวมถึงทุกคนที่เข้ามาอ่านบทความนี้จะได้รับความรู้เกี่ยวกับแนวคิดสู่ความสำเร็จเป็นอย่างดี สามารถทำความเข้าใจและปลดล็อกกรอบความคิดแบบ Fixed Mindset ที่ส่งผลต่อการพัฒนาตัวเองของเด็ก ๆ ได้มากยิ่งขึ้น นำไปสู่การ Open Mindset และมี Mindset ที่ดีในการใช้ชีวิต เพื่อช่วยให้เด็ก ๆ สามารถมองเห็นคุณค่าในตัวเอง มี Self-Esteem สูงขึ้น ตลอดจนถึงสามารถเสริมสร้างความมั่นใจในการเติบโตอย่างก้าวหน้า และมีคุณภาพชีวิตที่ดีในอนาคต