อยากเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้กับลูกต้องทำอย่างไร ที่นี่มีคำตอบ!
พ่อแม่หลาย ๆ คนคงจะเคยได้ยินคำว่าพื้นที่ปลอดภัยหรือ Safe Zone กันมาบ้าง แต่ก็อาจจะยังไม่เข้าใจอย่างชัดเจนว่าแท้จริงแล้ว Safe Zone คืออะไร ในปัจจุบันนี้การมีพื้นที่ปลอดภัย คือสิ่งสำคัญและจำเป็นที่พ่อแม่ควรจะมีให้แก่ลูก เนื่องจากพ่อแม่คือเซฟโซนที่ดีที่สุดของลูก ดังนั้นการสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้เกิดขึ้นตั้งแต่ในครอบครัวจึงเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน บทความนี้ SMART – i Camp จะมาแนะนำเทคนิควิธีการสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้กับลูก รวมถึงแนะนำค่ายปิดเทอมที่จะเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้กับเด็กได้ทำกิจกรรมพร้อมทั้งเสริมสร้างพัฒนาการในหลาย ๆ ด้าน มาร่วมสร้างพื้นที่ปลอดภัยไปด้วยได้เลย
พื้นที่ปลอดภัย (Safe Zone) ที่ดีสำหรับลูก ๆ คืออะไร
ก่อนที่จะเริ่มสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้กับลูก ๆ เรามาดูกันก่อนว่า พื้นที่ปลอดภัยจริง ๆ แล้วนั้น หมายถึงอะไร และคือที่ไหนกันแน่
พื้นที่ปลอดภัย หรือ Safe Zone คือ พื้นที่ที่ทำให้ลูกรู้สึกปลอดภัย ไม่ว่าจะทั้งทางร่างกายหรือทางจิตใจ เป็นการทำให้ลูกรู้ว่าไม่ว่าจะในวันที่เขาเจอเรื่องแย่ ๆ หรือเรื่องร้ายอะไรมา หากเขาหันกลับมามองก็จะพบว่าพ่อแม่พร้อมที่จะอยู่เคียงข้างพวกเขา ไม่ปล่อยให้เขาเผชิญปัญหาอย่างโดดเดี่ยว รวมถึงไม่นำมาตรฐานของตนเองมาตัดสินว่าลูกผิดหรือถูก แต่ควรเปิดกว้างรับฟังสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อสาร เพื่อให้ลูกระบายความเครียดเหล่านั้นออกมา และช่วยทำให้เขาผ่านเรื่องราวเหล่านั้นไปได้ โดยที่ลูกไม่รู้สึกว่าเขากำลังถูกสั่งสอนมากกว่าได้รับคำแนะนำ
โดยพื้นที่ปลอดภัยที่ดีสำหรับลูกอาจจะไม่ใช่แค่เพียงในบ้านเท่านั้น แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าครอบครัวคือพื้นฐานสำคัญที่จะช่วยสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้กับลูก ซึ่งนอกจากบ้านแล้วก็ยังมีการเข้าค่ายปิดเทอมที่จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยเพิ่มพื้นที่ปลอดภัยให้กับลูกของคุณได้เช่นกัน
พื้นที่ปลอดภัย (Safe Zone) กับ Comfort Zone เหมือนหรือต่างกัน?
อย่างที่กล่าวไปในตอนต้นว่าพื้นที่ปลอดภัยคือ พื้นที่ที่ทำให้ลูกหรือคน ๆ หนึ่งรู้สึกปลอดภัยทั้งทางกายและใจที่จะพูดคุยหรือแบ่งปันถึงปัญหาโดยที่ไม่ต้องกลัวการตัดสิน SMART – i Camp เชื่อว่าพ่อแม่หลายคนก็อาจจะเกิดความสงสัยว่าแล้ว Safe Zone ต่างจาก Comfort Zone อย่างไร เพราะเคยเห็นคนใช้ 2 คำนี้ในลักษณะที่ใกล้เคียงกัน
Comfort Zone นั้น คือพื้นที่ที่เต็มไปด้วยความสบายกายและสบายใจ ไม่ต้องรู้สึกขวนขวาย เป็นที่ที่รู้สึกคุ้นเคยแต่อาจจะไม่ใช่พื้นที่ที่สามารถแสดงตัวตนของตนเองออกมาได้อย่างเต็มที่เพราะไม่ได้รู้สึกปลอดภัยที่จะแสดงออกมา
หากจะถามว่า Safe Zone และ Comfort Zone เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร อาจจะกล่าวได้ว่าทั้ง 2 สิ่งนี้เป็นพื้นที่ที่สร้างความสบายกายและสบายใจให้กับลูกได้ แต่ Safe Zone จะสร้างความรู้สึกปลอดภัยให้กับลูกได้มากกว่า เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่เขาสามารถแสดงความคิดเห็น แสดงความเป็นตัวตนของตนเองออกมาได้อย่างเต็มที่ โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าตัวเขาเองจะโดนตัดสินจากพ่อแม่หรือไม่
รู้หรือไม่ว่า Safe Zone เป็นตัวช่วยให้ออกจาก Comfort Zone ได้
เชื่อว่าเด็ก ๆ หลายคนอาจจะยังติดอยู่ใน Comfort Zone ของครอบครัวและยังไม่สามารถก้าวข้ามออกมาได้ ซึ่งพ่อแม่ก็มีส่วนสำคัญเป็นอย่างมากในการที่จะช่วยพาลูกออกมาจาก Comfort Zone นั้น ซึ่งการสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้กับลูกจึงเป็นสิ่งที่จะช่วยให้ลูกก้าวออกมาจาก Comfort Zone ได้ง่ายขึ้น
เนื่องจาก Safe Zone เป็นพื้นที่ที่มีความอบอุ่น ความสบายใจ เป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่ มีความเชื่อใจพ่อแม่ค่อนข้างสูง ซึ่งการที่ลูกก้าวออกมาจาก Comfort Zone โดยมี Safe Zone เป็นตัวช่วยนั้น จะช่วยเสริมสร้าง Self Esteem ให้กับลูก เพื่อให้เขามองโลกตามความเป็นจริง กล้ายอมรับจุดอ่อนไหวของตนเอง และออกมาจาก Comfort Zone ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
พื้นที่ปลอดภัยทุกคนร่วมกันสร้างได้…เริ่มได้จากในบ้าน
พื้นที่ปลอดภัยไม่จำเป็นจะต้องมีเพียงในครอบครัวเท่านั้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าพื้นที่ปลอดภัยควรเริ่มต้นจากที่บ้านเป็นอันดับแรก เนื่องจากบ้านเป็นสถานที่แรกที่ลูกได้ใช้เวลาและอาศัยอยู่มากที่สุด รองจากนั้นจึงเป็นโรงเรียนซึ่งก็สามารถสร้างให้เป็นพื้นที่ปลอดภัยได้เช่นกัน
SMART – i Camp จะมาแนะนำวิธีการช่วยสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้กับที่บ้านและห้องเรียนมาดูกันว่ามีวิธีการและหลักการอะไรบ้าง
สร้างพื้นที่ปลอดภัยจากครอบครัวด้วยหลัก 5L
ทุกคนในครอบครัวย่อมต้องมีบางช่วงเวลาที่ต้องการพื้นที่ส่วนตัว เพื่อหลีกหนีจากความวุ่นวายและความเครียดจากสิ่งที่เจอมาในแต่ละวัน ซึ่งถ้าหากปล่อยให้ทุกคนในครอบครัวต่างใช้เวลาส่วนตัวของตนเองเพียงอย่างเดียว ความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวก็อาจจะแย่ลง ดังนั้นการใช้หลัก 5L จะช่วยสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้กับครอบครัว ลดความเครียด และสร้างสัมพันธ์ที่ดีขึ้นระหว่างกันได้
1. Love (ความรัก)
- แสดงความรักต่อสมาชิกในครอบครัวทั้งคำพูดและการกระทำ
- ชื่นชมและให้กำลังใจกันอยู่เสมอ
- ใช้เวลาร่วมกันทำกิจกรรม แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ก็ตาม
2. Learning (การเรียนรู้)
- เรียนรู้และเข้าใจความต้องการของสมาชิกในครอบครัว
- พัฒนาทักษะการสื่อสารที่ดี
- เรียนรู้ที่จะรับฟังและเคารพความคิดเห็นของผู้อื่น
3. Limit (การจำกัด)
- กำหนดขอบเขตความเป็นส่วนตัวที่ชัดเจน
- ปฏิเสธอย่างสุภาพเมื่อถูกเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัว
- เคารพพื้นที่ส่วนตัวของผู้อื่น
4. Let Them Go (ปล่อยวาง)
- ให้สมาชิกในครอบครัวได้มีอิสระในการตัดสินใจ
- ไว้ใจให้ทุกคนได้ทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเอง
- หลีกเลี่ยงการควบคุมหรือกดดันสมาชิกในครอบครัวจนเกินไป
5. Let It Be (ปล่อยให้เป็น)
- ยอมรับความแตกต่างของทุกคนในครอบครัว
- อย่าพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงพวกเขา แต่ให้เข้าใจและยอมรับ
- มองโลกในแง่ดีและให้อภัย
3 องค์ประกอบช่วยสร้างพื้นที่ปลอดภัยทั้งที่บ้านและห้องเรียน
การที่จะสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้กับทั้งที่บ้านและห้องเรียนประกอบด้วย 3 องค์ประกอบสำคัญ ที่จะทำให้การสร้างพื้นที่ปลอดภัยสามารถทำได้ง่ายขึ้นและประสบผลสำเร็จ
โดย 3 องค์ประกอบที่จะช่วยสร้างพื้นที่ปลอดภัยมีดังต่อไปนี้
1. ไม่เปรียบเทียบ คือ การไม่เปรียบเทียบเด็กหรือลูกกับคนอื่น ๆ เนื่องจากเป็นการสร้างความกดดัน ความเครียด และความรู้สึกต้องการเอาชนะอยู่เสมอ ถ้าหากจะเปรียบเทียบอยากให้เปรียบเทียบกับตัวเองในวันก่อน ๆ เพื่อเน้นไปที่การพัฒนาตนเองทีละน้อย
2. ไม่แข่งขัน คือ ไม่ส่งเสริมการแพ้ชนะ แต่ให้เน้นเรียนรู้จากความผิดพลาดของตนเอง ปรับแนวคิดจาก You Win or You Lose เป็น You Win or You Learn เพราะการแพ้ชนะอาจจะเป็นการสร้างปม
ในใจให้กับเด็ก จนอาจส่งผลต่อการมี Self Esteem ที่ต่ำได้
3. ไม่ตัดสิน คือ การไม่ด่วนตัดสินจนกว่าจะเข้าใจหรือมี Empathy ต่อสิ่งนั้น ๆ อย่างชัดเจนแล้ว ซึ่งการไม่ตัดสินนี้ไม่ได้แปลว่าจะยอมรับสิ่งไม่ดีที่เด็ก ๆ ทำ แต่เป็นการไม่แขวนป้ายการตัดสินใจต่อเด็ก
และพยายามให้มองตามความเป็นจริงมากที่สุดก่อนตัดสินสิ่งใด
มาดูกันว่าลูก ๆ ต้องการพื้นที่ปลอดภัยในด้านไหนบ้าง
ในการสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้กับลูก นอกจากความปลอดภัยด้านร่างกายและสิ่งแวดล้อม ที่ทำให้ลูกได้รับประทานอาหารที่ดี ได้รับการรักษาเมื่อเจ็บป่วย และมีสุขภาพแข็งแรงเติบโตตามวัยแล้วนั้น
ความปลอดภัยของสุขภาพจิตใจก็เป็นสิ่งสำคัญที่ลูกต้องการเช่นกัน มาดูกันว่าลูกต้องการพื้นที่ปลอดภัยทางจิตใจด้านใดบ้าง
ความรัก ความอบอุ่น
เด็กทุกคนอยากเป็นที่รักและได้รับความรักจากพ่อแม่ทั้งนั้น รวมถึงความอบอุ่นจากคนในครอบครัว ทำให้เขารู้สึกว่าไม่เป็นที่รังเกียจ หรือเป็นส่วนเกิน แต่ความรัก ความอบอุ่นนี้จะต้องเป็นไปอย่างมีขอบเขต ไม่ทำให้เด็กเกิดนิสัยไม่ดี เช่น การตามใจอย่างไร้เหตุผล จะทำให้เด็กมีความอดทนต่ำ คิดว่าทุกคนจะต้องตามใจตนเองเพียงคนเดียว จนกลายเป็นผลเสียต่อการเข้าสังคมในอนาคต
ให้โอกาสได้ใช้ความคิดและพลังในทางสร้างสรรค์
วัยเด็กเป็นวัยที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและความคิด การที่ให้เด็กได้ปลดปล่อยพลังและความคิดไปในทางสร้างสรรค์ เช่น การออกกำลังกาย การเต้น การทำงานศิลปะ กิจกรรมเหล่านี้จะทำให้เด็กไม่เกิดความเครียดและความรู้สึกเก็บกด และปรับตัวเข้ากับสังคมได้ง่ายขึ้น รวมถึงมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์พร้อมพัฒนาไปเป็นสิ่งใหม่ ๆ ได้เสมอ
ความรู้สึกที่มั่นคง
ความรู้สึกปลอดภัยและมั่นคงของเด็กจะได้มาจากสิ่งแวดล้อมรอบตัว ดังนั้นพ่อแม่จึงเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างมากที่จะทำให้เด็กรู้สึกถึงความปลอดภัย โดยเริ่มจากความสัมพันธ์ของพ่อแม่ที่ดีต่อกัน ครอบครัวสงบสุข ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกทอดทิ้ง ไม่มีการทำร้ายร่างกายกัน นอกจากนี้เด็กยังต้องการความรู้สึกว่าเขาถูกปกป้องจากพ่อแม่ และพ่อแม่สามารถดูแลเขาได้เมื่อเขาประสบเหตุไม่พึงประสงค์
คำแนะนำและการสนับสนุน
กำลังใจและแรงสนับสนุนเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ลูกเติบโตขึ้นไปเป็นคนที่มีคุณภาพของสังคม เมื่อพ่อแม่เห็นว่าลูกมีความสนใจหรือชื่นชอบสิ่งไหน พ่อแม่ก็ควรให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ไม่ควรไปห้ามหรือดับฝันของลูก ควรให้ลูกได้เรียนรู้และได้รับประสบการณ์อย่างเต็มที่ และพ่อแม่คอยสังเกตและเป็นที่ปรึกษาเมื่อถูกต้องการความช่วยเหลือเท่านั้น
วิธีการเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้แก่ลูก…คุณเองก็สามารถทำได้
เมื่อพ่อแม่รู้แล้วว่าลูก ๆ ต้องการพื้นที่ปลอดภัยในด้านใดบ้าง ต่อจากนี้ SMART – i Camp จะพาไปดูถึงวิธีที่จะทำให้พ่อแม่กลายเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับลูก ซึ่งมีวิธีการดังต่อไปนี้
พ่อแม่ต้องเป็นผู้ฟังที่ดี
การเป็นผู้ฟังที่ดีคือเป็นหนึ่งในวิธีการที่สำคัญที่สุดในการสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้กับลูก ซึ่งการเป็นผู้ฟังที่ดีนั้น คือเมื่อลูกไว้ใจที่จะมาเล่าเรื่องบางอย่างให้ฟัง พ่อแม่จะต้องฟังอย่างตั้งใจ ไม่ทำกิจกรรมอื่นไปพร้อมกับการฟัง ไม่พูดแทรก และต้องฟังอย่างไม่มีอคติและด่วนตัดสินในสิ่งที่ลูกพูด
ทำให้ลูกรู้สึกว่ามีตัวตนและคุณค่า
เปิดโอกาสให้ลูกได้แสดงความคิดเห็นในสถานการณ์ต่าง ๆ พร้อมทั้งรับฟัง และถ้าหากเห็นว่าความคิดเห็นของลูกเป็นสิ่งที่ดีก็ควรชื่นชมและอาจจะนำความคิดเห็นนั้นมาปรับใช้ ซึ่งจะทำให้ลูกรับรู้ว่าเขาเองก็มีความสำคัญต่อครอบครัวเช่นเดียวกันกับคนอื่น ๆ จนรู้สึกถึงคุณค่าที่มีในตัวเอง ที่สอดคล้องกับ PERMA Model ซึ่งเป็นแนวคิดด้านจิตวิทยาที่เป็นทำให้เด็กมีจิตวิทยาในเชิงบวก และเป็นการ
เสริมสร้างฮอร์โมนความสุขอีกด้วย
ภาษากาย แทนความหมายล้านคำพูด
นอกจากคำพูดที่พ่อแม่คอยพร่ำบอกกับลูกแล้วนั้น ภาษากายที่สอดคล้องไปกับคำพูดนั้นก็สำคัญเช่นกัน เพราะจะทำให้ลูกรู้สึกถึงสิ่งที่พ่อแม่พูดได้อย่างเต็มที่ หรือในบางครั้งอาจจะไม่ต้องมีคำพูดเลยก็ได้ เพียงแค่พ่อแม่แสดงความรักต่อลูกด้วยการกอด การหอม การจูงมือ บีบมือ เพียงเท่านี้ลูกก็สามารถรับรู้ถึงความรัก ความห่วงใยที่พ่อแม่มอบให้และรู้สึกพ่อแม่เป็นพื้นที่ปลอดภัยของเขา
SMART – i Camp แนะนำค่ายที่จะเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้กับเด็ก ๆ
ไม่ใช่เพียงแค่พ่อแม่หรือครอบครัวเพียงเท่านั้นที่จะเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้กับเด็ก ๆ การไปค่ายก็เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่จะสร้างพื้นที่ปลอดภัย จนนำไปสู่การสร้าง Growth Mindset ที่จะทำให้เด็กเรียนรู้จากการผิดพลาด และมองว่า “ความล้มเหลว คือ ส่วนหนึ่งของการเรียนรู้” กับค่าย SMART – i Camp ที่เด็ก ๆ จะได้ทั้งความสนุกสนานและประสบการณ์ใหม่ ๆ กลับไปอย่างแน่นอน
ค่ายปลูกฝัง Growth Mindset เหมาะกับ…
หากลูกของคุณกำลังเป็นแบบนี้ค่ายปลูกฝัง Growth Mindset ของ SMART – i Camp อาจเหมาะกับลูกคุณ
- ลูกไม่มั่นใจในตัวเอง
- ลูกไม่กล้าคิด กล้าลงมือทำสิ่งใหม่ ๆ ติดอยู่ใน Comfort Zone
- ลูกมองว่าทุกสิ่งรอบตัวเป็นปัญหา
เด็ก ๆ จะได้อะไรกลับไปจากค่ายนี้บ้าง
เมื่อพ่อแม่ตัดสินใจให้ลูกเข้าร่วมค่ายนี้แล้ว นอกจากได้พื้นที่ปลอดภัย กับการได้หลุดออกจาก Comfort Zone แล้ว เด็ก ๆ จะได้อะไรกลับไปจากค่ายนี้บ้าง
- ได้รับการโค้ชเชิงสติจากระบบค่ายและพี่เลี้ยง (Mentoring)
- เรียนรู้ที่จะอยู่กับปัญหา และความล้มเหลว
- มีทัศนคติเชิงบวกกับอุปสรรค
- ได้ชุดประสบการณ์ความสำเร็จตราตรึงลงไปในตัวเด็ก
- พ่อแม่ได้เห็นการเติบโตทางความคิดของลูก
- พ่อแม่ได้นำเทคนิคจากค่ายไปประยุกต์ใช้ที่บ้าน
SMART – i Camp หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับพ่อแม่หลาย ๆ คนที่กำลังศึกษาเกี่ยวกับพื้นที่ปลอดภัย และต้องการที่จะเป็นเซฟโซนที่ดีที่สุดให้กับลูก ๆ ของคุณเพราะ Safe Zone
คือสิ่งสำคัญที่จะสร้างรากฐานการเติบโตที่ดีให้เด็กกลายเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต ซึ่งการสร้างพื้นที่ปลอดภัยไม่จำเป็นต้องเกิดจากพ่อแม่เพียงอย่างเดียวแต่ทุกคนในครอบครัวสามารถร่วมช่วยกันสร้างได้ อีกทั้งค่ายของ SMART – i Camp ก็มองเห็นว่าพื้นที่ปลอดภัย คือสิ่งพื้นฐานที่จะช่วยทำให้เด็กออกจาก Comfort Zone และนำไปสู่การมี Growth Mindset ในที่สุด
สำหรับพ่อแม่คนไหนอยากรู้จักกับค่ายปลูกฝัง Growth Mindset ของ SMART – i Camp
สามารถ คลิกที่นี่ เพื่ออ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้เลย