รู้จัก Fixed Mindset กรอบความคิดที่ทำให้พัฒนาตนเองได้ไม่เต็มที่
สวัสดีคุณพ่อคุณแม่ทุกท่าน วันนี้ครูแก๊ปจะมาพาดูว่า Fixed Mindset คืออะไร แล้วสำคัญยังไง โดยอย่างแรก พ่อแม่ผู้ปกครองหลายคนอาจจะมีความสงสัย หรือสังเกตได้ว่าเด็ก ๆ บางคนมักจะไม่กล้าทำอะไรด้วยตนเอง กลัวความผิดพลาด เลยทำให้รู้สึกว่าลูกไม่โตขึ้นยังเป็นเด็กที่ต้องคอยพึ่งพาพ่อแม่อยู่เสมอ ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้อาจจะเกิดขึ้นจาก Fixed Mindset ที่คอยกรอบความคิดของเด็กไม่ให้พัฒนาไปข้างหน้า
Fixed Mindset คือกรอบความคิดที่มองว่าความสามารถและคุณลักษณะของตัวเองเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ คนที่มี Fixed Mindset มักจะมีความเชื่อว่าความสำเร็จเกิดจากความสามารถที่ตายตัว และมักจะไม่ยอมรับความท้าทายหรือกลัวที่จะล้มเหลว จึงทำให้ปิดกั้นและจำกัดการเรียนรู้ของตัวเอง
โดยมีผลการวิจัยของ Dr. Carol Dweck นักจิตวิทยาแห่ง Stanford University เปิดเผยว่าคนที่มีแนวคิดแบบ Fixed Mindset มักจะไม่สามารถพัฒนาตนเองได้ดีเท่ากับคนที่มี Growth Mindset เพราะพวกเขามักจะหลีกเลี่ยงความท้าทาย ไม่ยอมรับข้อผิดพลาด และไม่พร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ซึ่งส่งผลให้การพัฒนาตนเองทำได้ไม่เต็มที่นั่นเอง
ในบทความนี้ครูแก๊ปจะพาคุณไปสำรวจว่าความแตกต่างระหว่าง Fixed Mindset vs Growth Mindset คืออะไร Fixed Mindset ตัวอย่างมีอะไรบ้าง และทำไมการมี Fixed Mindset ถึงเป็นอุปสรรคในการพัฒนาตนเอง พร้อมแนะนำวิธีปลดล็อกกรอบความคิดนี้เพื่อสร้าง Growth Mindset ที่จะช่วยให้คุณและลูกของคุณพัฒนาได้อย่างเต็มที่
รู้หรือไม่ Fixed Mindset เป็นตัวสกัดกั้นการมี Growth Mindset
นอกจาก Fixed Mindset จะเป็นสิ่งที่กรอบความคิดไม่ให้คน ๆ หนึ่งพัฒนาตนเองได้อย่างเต็มที่แล้ว Fixed Mindset ยังเป็นอุปสรรคสำคัญในการพัฒนา Growth Mindset เพราะ Fixed Mindset จะทำให้ Self Esteem ลดลง ไม่มีความกล้า มองว่าตนเองไม่สามารถพัฒนาไปจนถึงขั้นที่ประสบความสำเร็จได้ ไม่ยอมออกจาก Comfort Zone ซึ่งเป็นอีกหนึ่งขั้นก่อนที่จะก้าวไปสู่ Growth Mindset และถ้ายิ่งอยู่กับ Fixed Mindset นานเท่าใด ก็จะยิ่งไปสู่ Growth Mindset ยากเท่านั้น
สาเหตุการเกิด Fixed Mindset ที่คุณเองก็อาจจะคาดไม่ถึง
Fixed Mindset ไม่ได้เกิดขึ้นโดยไม่มีสาเหตุ แต่เป็นผลมาจากปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่มาจากประสบการณ์ในชีวิตประจำวัน สิ่งแวดล้อมรอบตัว รวมถึงการปฏิสัมพันธ์กับครอบครัว โรงเรียน และสื่อสังคมออนไลน์ โดยปัจจัยเหล่านี้สามารถสร้างกรอบความคิดแบบตายตัวให้กับเราโดยที่เราอาจไม่รู้ตัว ครูแก๊ปชวนมาดูกันว่าแต่ละปัจจัยมีบทบาทอย่างไรในการสร้าง Fixed Mindset
1. บ้าน
บ้านเป็นสถานที่แรกที่เราเริ่มเรียนรู้และพัฒนาตนเอง คำพูดและการกระทำของพ่อแม่มีอิทธิพลอย่างมากต่อวิธีที่เด็กมองตัวเอง และคำพูดเหล่านี้ เกิดจากที่พ่อแม่ไม่สามารถเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้ลูกได้
ที่บ้านเต็มไปด้วยการเปรียบเทียบ และการตัดสิน จากผู้ใหญ่ ในที่สุด เด็กจะเริ่มเชื่อว่าตนเองไม่สามารถพัฒนาได้ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนากรอบความคิดแบบ Fixed Mindset
ความกลัวก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้เด็กๆไม่สามารถออกจาก Comfort Zone ได้ เช่น กลัวผิด กลัวโดนตำหนิ อับอาย เสีย Self ส่งผลให้เด็กๆจะไม่ยอมทำอะไรใหม่ๆ และไม่สามารถเป็นตัวของ
ตัวเองได้
2. โรงเรียน
อีกสถานที่หนึ่งที่คนเราใช้ชีวิตเหมือนบ้านหลังที่ 2 นั่นก็คือ โรงเรียน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อการพัฒนากรอบความคิดของเด็ก ๆ โดยเฉพาะเมื่อระบบการศึกษาเน้นไปที่การทดสอบและการประเมินผลการเรียนมากกว่ากระบวนการเรียนรู้
คุณครูที่ชื่นชมเด็กๆที่ตอบถูก และละเลยความมีส่วนร่วมของเด็กคนอื่น เช่น ตำหนิเด็กที่ตอบผิด การให้ความสำคัญกับคะแนนสอบและการจัดอันดับความสามารถของนักเรียนจะทำให้เด็ก ๆ เชื่อว่าความสามารถของพวกเขาถูกกำหนดโดยตัวเลขเหล่านี้เท่านั้น ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เด็กที่ได้รับคะแนนต่ำอาจรู้สึกว่าตนเองไม่มีความสามารถและไม่ควรพยายามอีก ซึ่งเป็นสาเหตุของการมี Fixed Mindset
นอกจากนี้ โรงเรียนต้องส่งเสริมให้เด็กเห็นคุณค่าของความพยายาม และทำให้เด็กๆรู้ว่า ทุกคนสามารถเก่งได้ในแบบของตัวเอง ฝึกความคิดสร้างสรรค์ และค้นพบศักยภาพของตนเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการพัฒนา Growth Mindset ต่อไปในอนาคต
3. Social Media
การเสพย์สื่อสังคมออนไลน์ที่ขาดวิจารณญาณ หรือ ขาด Critical Thinking จะส่งผลให้ เด็ก ๆตัดสินใจด้วยอารมณ์ความรู้สึก และมีโอกาสตัดสินใจผิดพลาดได้ เนื่องจาก เด็กที่ขาดความเข้าใจ
ในตนเอง มักเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ เด็กที่มี Fixed Mindset เมื่อเห็นโพสต์หรือภาพของคนอื่นที่ดูจะประสบความสำเร็จหรือมีความสามารถมากกว่า จะเริ่มรู้สึกว่าตนเองไม่มีความสามารถ และไม่มีทางที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้เหมือนกับคนเหล่านั้น
ความแตกต่างระหว่าง Fixed Mindset กับ Growth Mindset
ครูแก๊ปอยากให้ทุกคนการเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่าง Fixed Mindset และ Growth Mindset ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการเลือกวิธีคิดและพัฒนาตนเองให้ก้าวหน้าและประสบความสำเร็จ
กรอบความคิดทั้งสองแบบนี้มีผลกระทบอย่างมากต่อวิธีที่เรามองตัวเอง ความสามารถของเรา และวิธีที่เราจัดการกับความท้าทายในชีวิต มาดูไปพร้อม ๆ กันว่าความแตกต่างระหว่าง Fixed Mindset vs Growth Mindset คืออะไรบ้าง โดยเริ่มตั้งการทำความเข้าใจความหมายของทั้ง 2 วิธีคิดนี้
จริงๆ คนเรามีทั้ง Growth Mindset และ Fixed Mindset ในตัวเอง และเราจะมี Gwoth Mindset ในบางเรื่อง และจะมี Fixed Mindset ในบางเรื่องเช่นกัน ดังนั้น การพัฒนาตนเอง คือ การฝึกให้ลด Fixed Mindset ของตนเองมากขึ้นเรื่อยๆ
Fixed Mindset
Fixed Mindset คือ กรอบความคิดที่เชื่อว่าความสามารถและทักษะของคนเราเป็นสิ่งที่ตายตัว ไม่สามารถพัฒนาได้ เกิดมาอย่างไร ฉันก็เป็นคนอย่างนั้น (Static Not Dunamic) คนที่มี Fixed Mindset มักจะมองว่าความสำเร็จเกิดจากพรสวรรค์ที่มีอยู่แล้ว และหากไม่มีพรสวรรค์นั้นก็ไม่สามารถทำสิ่งใดให้สำเร็จได้ ด้วยความคิดนี้ทำให้พวกเขามักจะหลีกเลี่ยงจากความท้าทาย ไม่พร้อมที่จะเสี่ยงทำสิ่งใหม่ ๆ
และกลัวความล้มเหลว เพราะมองว่าความล้มเหลวคือการสะท้อนให้เห็นถึงการไม่มีความสามารถในการทำสิ่งนั้น ๆ
Growth Mindset
Growth Mindset คือ กรอบความคิดที่ตรงข้ามกับ Fixed Mindset กล่าวคือ Growth Mindset เป็นกรอบความคิดที่เชื่อว่าความสามารถและทักษะของคนเราสามารถพัฒนาได้ผ่านความพยายาม
การเรียนรู้จากความผิดพลาด และการเผชิญหน้ากับความท้าทาย คนที่มี Growth Mindset จะมองว่าความล้มเหลวเป็นโอกาสในการเรียนรู้และเติบโต คนเหล่านี้จะสนุกที่จะทำสิ่งใหม่ ๆ และพร้อมที่จะพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ การมี Growth Mindset ยังทำให้เรากล้าที่จะออกจาก Comfort Zone และก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง เพื่อเติบโตและบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้
ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง Fixed Mindset กับ Growth Mindset
Fixed Mindset | Growth Mindset |
---|---|
มองว่าความสามารถของคนเรามาจากพรสวรรค์ที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด | ให้ความสำคัญกับความพยายามในการทำสิ่งต่าง ๆ |
คิดว่าตัวเองเก่งอยู่แล้ว ไม่ต้องพยายามมากขึ้นไปกว่านี้แล้ว | พร้อมเปิดรับและพัฒนาทักษะใหม่ ๆ ให้กับตนเองอยู่เสมอ |
ทำแต่สิ่งที่ตนเองถนัด ไม่กล้าลองทำอะไรใหม่ ๆ | ให้โอกาสตัวเอง กับความท้าทายใหม่ ๆ ที่เข้ามาในชีวิต |
ให้คุณค่ากับผลลัพธ์ที่ได้รับ “ต้องทำให้ดี ถ้าไม่ดีไม่ทำ” | ให้คุณค่ากับการลงมือทำ คือ Enjoy The Process “แค่ได้ทำก็สนุกแล้ว” |
กลัวการตัดสิน พึ่งพา Opinion คนอื่น | ยินดีรับฟังความเห็นคนอื่น เพื่อนำมาพัฒนาตนเอง |
คิดว่าตัวเองเกิดมาไม่เก่ง ทำยังไงก็พัฒนาไม่ได้ | สนุกกับการเรียนรู้ ลองทำ และเติบโต |
เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น และมี Self Esteem ต่ำลง เมื่อเห็นคนอื่น เก่งกว่า ดีกว่า | ชื่นชมในความสำเร็จของคนอื่น
ศึกษา เรียนรู้จากคนที่สำเร็จ และน้อมนำมาปรับใช้กับตัวเอง |
How to ปลดล็อก Fixed Mindset แล้วสร้าง Growth Mindset
การปลดล็อก Fixed Mindset และสร้าง Growth Mindset นั้นเริ่มต้นจากการปรับเปลี่ยนวิธีคิดที่เรามีต่อตนเอง เพราะการมี Fixed Mindset ทำให้เราหลีกเลี่ยงการไม่กล้าที่จะออกจากพื้นที่ที่คุ้นเคยหรือที่เรียกว่า Comfort Zone แต่การสร้าง Growth Mindset จะช่วยให้เรามีความกล้าและเปิดใจรับมือกับความท้าทาย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาตนเอง ครูแก๊ปอยากให้คนที่กำลังคิดว่าตัวเองกำลังติดอยู่กับ Fixed Mindset ลองทำตามวิธีเหล่านี้ดูเพื่อที่จะนำพาตัวเองไปสู่การมี Growth Mindset ที่ดีขึ้นในอนาคต
- รู้จักให้อภัยตนเอง รักตนเองให้เป็นเข้าใจตนเองมากขึ้น : การรู้จักให้อภัยตนเอง จะทำให้ผู้คน Move On จากความผิดพลาดได้ บ่อยครั้ง คนเรามักมีความรู้สึกซ้อนความรู้สึก เช่น ฉันเถียงแม่ เพราะฉันโกรธ และฉันก็รู้สึกผิดที่ฉันโกรธแม่ เป็นต้น ถ้าคนเราเท่าทันอารมรณ์ตนเอง จะช่วยให้ออกจาก Comfort Zone ง่ายขึ้น
- ยอมรับความล้มเหลวและเรียนรู้จากมัน (ผิดเป็นครู) : มองว่าความล้มเหลวเป็นโอกาสในการเรียนรู้แทนที่จะมองว่าเป็นข้อจำกัด จะช่วยให้เราเปลี่ยนจาก Fixed Mindset มาเป็น Growth Mindset ได้
- ฝึกตั้งเป้าหมายที่ท้าทายและพยายามทำสิ่งใหม่ ๆ: การที่ได้ทำสิ่งที่อยู่นอกเหนือจาก Comfort Zone จะเป็นการฝึกให้เรามีความยืดหยุ่นและความพร้อมในการเผชิญกับสิ่งที่ไม่คาดคิด และเพิ่มความมั่นใจในตนเอง แม้ความสำเร็จจะเล็กน้อยแค่ไหน ก็มีความสุขกับสิ่งนั้นได้ (Celabrate all Wins)
เปลี่ยนวิธีการให้คำวิจารณ์ตนเอง: แทนที่จะวิจารณ์ตัวเองในทางลบเมื่อเจอกับความล้มเหลว ลองเปลี่ยนเป็นการถามตัวเองว่า 3 ขั้น คือ
ขั้นที่ 1: “ฉันจะทำอะไรได้บ้าง”
ขั้นที่ 2: ถ้าทำแล้วยังไม่ได้ ให้ถามว่า ฉันทำอะไรได้ “อีก” บ้าง
ขั้นที่ 3: ถ้ายังไม่ได้ ให้ถามว่า “ฉันได้เรียนรู้อะไรจากเรื่องนี้” หรือ “ถ้ามีโอกาสทำสิ่งนี้ อีกครั้ง ฉันจะทำมันอย่างไร?”
ฝึกการชมตัวเองและผู้อื่นโดยเน้นที่ความพยายามและกระบวนการ: การฝึกการขอบคุณตนเอง (Self Gratitude) จะช่วยให้เด็ก ๆ ได้มีมุมมองเชิงบวกกับตนเอง แม้ว่าจะทำไม่สำเร็จแต่ก็ชื่นชมความพยายามของตนเองได้ การฝึกชื่นชมคนอื่น เป็นการลดอัตตาของตนเอง ซ้ำยังช่วยให้สามารถเป็นแบบอย่างคนเก่ง ๆ ได้ด้วย ซึ่งเป็นการเพิ่มฮอร์โมนความสุขให้กับเด็ก ๆ ได้อีกทางหนึ่ง
สร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนา: คือการพาตัวเองไปอยู่ใน Save Space หรือพื้นที่ที่เรารู้สึกปลอดภัย ปราศจากการตัดสิน ไม่เน้นแข่งขัน หวังดีต่อกัน ซึ่งจะทำให้เด็ก ๆ รู้สึกว่าสภาพแวดล้อมเหล่านี้พร้อมให้เขาได้ลองผิดลองถูกและก้าวออกจาก Fixed Mindset ได้ง่ายขึ้น
ค่าย SMART i-Camp ตัวช่วยสร้าง Growth Mindset ให้กับลูก
สำหรับใครที่อยากให้ลูกของคุณมี Growth Mindset ไม่ติดอยู่กับ Fixed Mindset ครูแก๊ปขอแนะนำ Summer Course ค่ายจาก SMART-i Camp ที่มุ่งเน้นการพัฒนา Growth Mindset ให้กับเด็ก ๆ ผ่านกิจกรรมที่สร้างสรรค์และท้าทาย ช่วยให้เด็ก ๆ เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ฝึกฝนการเผชิญกับความท้าทาย และเปิดโอกาสให้พวกเขาได้พัฒนาทักษะใหม่ ๆ การเข้าร่วมค่ายนี้จะช่วยเสริมสร้าง Mindset ที่ดีในการพัฒนาตนเองและเตรียมพร้อมสำหรับความสำเร็จในอนาคต โดยคำพูดติดปากของเด็ก ๆ จาก SMART-i Camp นั่นก็คือ
“You win Or You Learn” หมายถึง การลงมือทำสิ่งใดไม่ว่าจะก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ใช่ นั่นคือ You Win หรือ จะก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่ต้องการ คือ You Learn แต่ทั้งหมดนี้ก็คือการเรียนรู้และเติบโต
ออกจาก Comfort Zone นั่นเอง
ครูแก๊ปหวังว่าทุกคนจะมีความเข้าใจเกี่ยวกับ Fixed Mindset มากขึ้นว่า Fixed Mindset คือกรอบความคิดที่ทำให้เราไม่สามารถพัฒนาตนเองได้เต็มที่ ซึ่งไม่ว่าจะคนเก่งหรือคนไม่เก่งทุกคนก็ล้วนมี
Fixed Mindset ได้ และยังได้รู้ถึงความแตกต่างระหว่าง Fixed Mindset vs Growth Mindset คือ คนที่มี Fixed Mindset จะมองที่ผลลัพธ์เป็นหลัก แต่คนที่มี Growth Mindset มักจะมองที่การพัฒนาและสิ่งที่ได้เรียนรู้ระหว่างทาง
รวมถึง Fixed Mindset ตัวอย่างมีอะไรบ้าง รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงวิธีคิดและการปลดล็อก Fixed Mindset เพื่อก้าวไปสู่การมี Growth Mindset ที่จะช่วยให้เรามีความมั่นใจในการพัฒนาตนเองและเผชิญกับความท้าทายที่จะเข้ามาหาเราได้ในทุกเมื่อ
สำหรับพ่อแม่คนไหนอยากรู้จักกับค่ายปลูกฝัง Growth Mindset ของ SMART – i Camp
สามารถ คลิกที่นี่ เพื่ออ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้เลย