“Growth Mindset” คือ ทัศนคติที่ให้ความสำคัญกับ “ความสามารถ” และ “ความพยายาม” ในการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัวแบบไร้กรอบและยืดหยุ่น โดยการพัฒนา Growth Mindset นั้นจะมุ่งเน้นที่การให้โอกาสในการเรียนรู้และโอกาสในการพัฒนาตัวเองจากประสบการณ์ตรง มองข้อผิดพลาดและมองความล้มเหลวที่เกิดขึ้นเป็นทางเดินอีกหนึ่งสายที่ช่วยเปลี่ยน Mindset จากเดิมให้ดีมากกว่าที่เคยเป็น นอกจากนี้เราก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า Growth Mindset กับการศึกษานั้นเป็นสิ่งที่เคียงคู่กันมาอย่างมีนัยสำคัญ
ดังนั้นทัศนคติดี ๆ แบบนี้จึงเป็นแก่นสำหรับการเรียนรู้ในวัยเด็กที่เราควรให้ความสำคัญ รวมถึงควรเสริมสร้าง Growth Mindset ด้วยกิจกรรมสำหรับเด็กที่พร้อมส่งเสริมลูกของเราให้สามารถเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพและเต็มไปด้วยทัศนคติที่พร้อมเผชิญหน้ากับเรื่องราวมากมายที่จะต้องเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งสามารถเริ่มต้นสร้างเสริมทัศนคติที่ดีนี้ได้ง่าย ๆ จาก Summer Camp ในไทยอย่าง SMART-i Camp ที่จะช่วยให้เด็ก ๆ พัฒนา Growth Mindset ได้อย่างตรงจุด
เหตุผลที่ต้องส่งเสริมและพัฒนา Growth Mindset ตั้งแต่วัยเด็ก
การสร้าง Growth Mindset เรียกได้ว่ายิ่งเร็วก็ยิ่งดี เนื่องจากทัศนคติที่ช่วยให้เด็กมองโลกไปในทางบวกแบบนี้จะส่งเสริมกระบวนการทางความคิดและการกระทำที่จะพาเด็ก ๆ ก้าวไปสู่ความสำเร็จได้อย่างมีประสิทธิผล ทั้งยังเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางด้านปัญญา ทักษะ ความสามารถ และบุคลิกภาพของเด็กอีกด้วย
เรียกได้ว่าการเพิ่มพูนทัศนคติดี ๆ จะส่งผลดีต่อเด็กได้อย่างแท้จริง เราจึงควรสร้างเสริมให้เด็กมี Growth Mindset มากขึ้นด้วย Summer Camp ในไทยที่มาพร้อมกับความสามารถในการปรับแนวคิดเปลี่ยนแนวทางให้เด็กมีทัศนคติที่ดีและเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่กล้าใช้ชีวิตอย่างสง่างาม
Growth Mindset ส่งผลต่อการเรียนรู้ของเด็กในระยะยาว
อย่างที่ได้กล่าวไปในข้างต้นว่าเด็กที่เติบโตมาพร้อมกับ Growth Mindset จะมีกระบวนการทางความคิดที่สามารถปรับตัวและพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ ซึ่ง Growth Mindset จะส่งผลต่อการเรียนรู้และการดำเนินชีวิตของเด็กอย่างไรบ้าง? ตามไปดูกันเลย
- เด็กมีความเชื่อมั่นในตัวเอง
- เด็กกล้าออกจาก Comfort Zone เพื่อเรียนรู้สิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน
- เด็กกล้าแสดงออกถึงความไม่รู้หรือความไม่เข้าใจต่อสิ่งต่าง ๆ
- เด็กกล้าสอบซักถามครูในห้องเรียน
- เด็กกล้าทดลองสิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ
- เด็กกล้ายอมรับความผิดพลาด และเห็นคุณค่าของความพยายาม
- เด็กกล้าเผชิญหน้ากับความล้มเหลว และเรียนรู้จากมัน
- เด็กมองทุกปัญหาเป็นความท้าทาย มีทัศนคติแบบ I Win or I learn ถ้าทำได้ก็ดี ถ้าทำไม่ได้ ก็ได้เรียนรู้
- เด็กสามารถรับฟังความคิดเห็นต่างอย่างไม่มีอคติ
- เด็กกล้าเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลง
สิ่งเหล่านี้คือผลลัพธ์ของการมี Growth Mindset ตั้งแต่ในวัยเยาว์ เปรียบเสมือนการส่งเสริมให้เด็กก้าวข้าม Comfort Zone ด้วยการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ตรงและรู้จักกับการมองความล้มเหลวหรือความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในแง่ที่เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าถ้าไม่ผิดพลาด ไม่ลองผิดลองถูก ก็คงไม่รู้มาก่อนว่าแท้จริงแล้วสิ่งที่เหมาะสมนั้นคืออะไร
ซึ่งเมื่อเด็กเรียนรู้และเข้าใจแล้วว่าสามารถทำความเข้าใจ เรียนรู้ พัฒนา และฝึกฝนในด้านต่าง ๆ ได้อยู่เสมอ แม้ว่าจะไม่สำเร็จตั้งแต่ในครั้งแรกก็ตาม สิ่งนี้ก็จะยิ่งช่วยเสริมให้เด็กมีความมั่นใจ ไม่กลัวความผิดพลาด ไม่กลัวความล้มเหลว และกล้าใช้ชีวิตแบบที่ไร้ความกลัวในการลองทำในสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน ดังนั้นการสอนให้เด็กมีกระบวนความคิดแบบ Growth Mindset จึงควรทำตั้งแต่ในวัยเยาว์นั่นเอง
วิธีเสริมสร้าง Growth Mindset ให้กับเด็กอย่างมีประสิทธิผล
การสร้างทัศนคติดี ๆ อย่าง Growth Mindset นั้นสามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่ในบ้านไปจนถึงโรงเรียนและวิธีการส่งเสริมให้เด็ก ๆ มี Growth Mindset ก็ไม่ยากและไม่ซับซ้อน เพียงแค่ผู้ใหญ่อย่างเรามีความเข้าใจต่อการส่งเสริมทัศนคตินี้ไปด้วยกันก็จะทำให้เด็กถูกล้อมรอบไปด้วยแนวคิดที่ดีได้ในทันที ซึ่งวิธีการเสริมสร้าง Growth Mindset นั้นมีอะไรบ้าง? ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันได้เลย
ให้ความสำคัญกับความพยายามมากกว่าผลลัพธ์
สังคมไทยมีแนวคิดที่ส่งทอดกันมารุ่นสู่รุ่นว่า “ไม่ควรชมเด็ก” แม้ว่าเด็กสามารถจะทำสิ่งนั้น ๆ ได้ดีก็ตาม เพราะแนวคิดนี้มองว่าการชื่นชมจะทำให้เด็กลุ่มหลงในความสามารถของตัวเองมากเกินไป
แต่รู้หรือไม่ว่า การชื่นชมเด็กที่ “พยายาม” ทำสิ่งต่าง ๆ ออกมานั้นเป็นปัจจัยสำคัญในการเสริมสร้างและพัฒนา Growth Mindset ให้เด็กคิดว่า “ความพยายาม” ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจและเป็นผลดีต่อตัวเอง
ดังนั้นเมื่อเด็กรู้ว่าความพยายามคือสิ่งที่ควรทำจึงช่วยให้เด็กสามารถใช้ความพยายามก้าวข้ามทุกสิ่งทุกอย่างที่อาจมีอุปสรรคไปได้นั่นเอง
มองว่าทุกปัญหาหรืออุปสรรคเป็นความท้าทาย
วิธีที่สามารถสร้าง Growth Mindset ให้กับเด็กได้อย่างตรงจุดนั่นก็คือการสอนให้เด็กมองว่าปัญหาหรืออุปสรรค คือ “ความท้าทาย” ที่ต้องก้าวผ่านไปให้ได้ ไม่ใช่สิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยงหรือสิ่งต้องห้ามในการใช้ชีวิต
ดังนั้นเมื่อเด็กเจออุปสรรคหรือปัญหาเราจึงควรส่งเสริมให้เด็กมีความกล้าที่จะคิด กล้าที่จะทำ เพื่อให้ตัวเด็กเองสามารถผ่านพ้นอุปสรรคหรือปัญหาเหล่านั้นได้ นอกจากนี้เรายังสามารถช่วยเด็ก ๆ วางแผนต่าง ๆ เพิ่มเติมได้ว่าควรจะจัดการความท้าทายที่กำลังเผชิญไปในทิศทาง เพื่อเป็นการนำทางให้เด็กรู้ว่าควรจัดการอย่างไรและนำวิธีการเหล่านั้นไปประยุกต์ใช้ต่อไปในอนาคตนั่นเอง
ไม่เปรียบเทียบความสำเร็จกับคนอื่น
ถ้าต้องการให้เด็กมี Growth Mindset สิ่งที่ไม่ควรทำอย่างเด็ดขาดนั่นก็คือ การเปรียบเทียบเด็กกับคนอื่นนั่นเอง เพราะการเปรียบเทียบจะเป็นการตอกย้ำและทิ่มแทงใจเด็กว่าตัวเองไม่เก่งเหมือนคนอื่น ไม่ดีเหมือนคนอื่น และส่งผลให้เด็กมอง “ผลลัพธ์” มากกว่า “ความพยายาม” อย่างที่ควรจะเป็น
โดยเราสามารถกระตุ้นให้เด็กอยากพัฒนาตัวเองต่อไปได้ด้วยการชักชวนให้เด็ก “อยากรู้” และ “อยากค้นหา” ด้วยการตั้งคำถามว่า “อะไร ทำไม เพราะเหตุใด” คนเหล่านั้นถึงสามารถประสบความสำเร็จได้ หรือเรียกง่าย ๆ ว่าการให้ความสำคัญกับวิธีการมากกว่าผลลัพธ์ ซึ่งจะเสริมให้เด็กมองว่าถ้ามีความพยายามและวิธีการที่ดีก็จะทำให้ประสบความสำเร็จได้นั่นเอง
ให้โอกาสสำหรับการเริ่มต้นใหม่เสมอ
หนึ่งในวิธีการเปลี่ยน Mindset ของเด็กให้พร้อมทำสิ่งใหม่ ๆ เสมอนั่นก็คือการให้โอกาสสำหรับการเริ่มต้นใหม่เสมอ เพราะการเรียนรู้ไม่ได้มีเพียงแค่ “ทำได้” หรือ “ทำไม่ได้” เท่านั้น แต่ยังมี “ยังทำไม่ได้” อยู่ด้วย
ดังนั้นเมื่อเด็กล้มเหลว ทำผิด หรือผิดหวัง เราจึงควรเสริมด้วยการให้โอกาสและให้เวลากับเด็กในการเรียนรู้ว่าควรจะทำสิ่งนั้น ๆ อย่างไร หรือก็คือให้โอกาสเด็กได้ทดลองทำ ทดลองคิด จนกว่าจะได้ผลลัพธ์ที่สมเหตุสมผลนั่นเอง
ไม่ดุหรือข่มขู่จนทำให้เด็กไม่กล้าแสดงออก
ต้องยอมรับว่าการดุหรือข่มขู่จะทำให้เด็กไม่มี Growth Mindset แต่มีความหวาดกลัวจนไม่กล้าแสดงออก ทั้งยังส่งผลให้เด็กกลายเป็นคนที่หลีกหนีปัญหา ไม่กล้าเผชิญหน้าต่ออุปสรรค หวาดระแวง ขี้กลัว และไร้ความมั่นใจในตัวเอง และที่สำคัญการดุหรือการข่มขู่จะทำให้เด็กไม่สามารถใช้เหตุผลในการไตร่ตรองสิ่งที่เกิดขึ้นหรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างสมเหตุสมผล เพราะมีความหวาดกลัวครอบงำและมีความเปราะบางทางในจิตใจ
ดังนั้นการพูดคุยกับเด็กด้วยเหตุผลอย่างตรงไปตรงมาและไร้เงื่อนไขจะช่วยให้เด็กมีวิจารณญาณทางด้านการคิดเหตุผลต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ทั้งยังสามารถเสริมให้เด็กมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นด้วยการชื่นชมหลังจากที่เด็กสามารถเรียนรู้ได้สำเร็จ
ไม่บังคับเคี่ยวเข็ญเด็กมากจนเกินไป
การบังคับเด็กให้ทำสิ่งต่าง ๆ ให้ได้ดั่งที่ใจเราต้องการนั้นจะส่งผลกระทบต่อ Growth Mindset ของเด็กอย่างแน่นอน เพราะการบังคับเคี่ยวเข็ญที่มากจนเกินไปจะทำให้เด็กรู้สึกไร้คุณค่า กดดันตัวเอง ไม่กล้าแสดงออก มองโลกในแง่ร้าย และทำให้เด็กมีภาวะเครียด
ดังนั้นเราจึงไม่ควรบังคับเคี่ยวเข็ญจนทำให้เด็กมีความรู้สึกเหล่านั้น ซึ่งเราสามารถเปลี่ยนจากการบังคับมาเป็นการ “ให้กำลังใจ” แทน เพราะการให้กำลังใจคือการแสดงออกถึงความรัก ความเป็นห่วง ความหวังดี และทำให้เด็กมีความมั่นใจ ความมุ่งมั่น รวมถึงความตั้งใจในการทำสิ่งต่าง ๆ อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ไม่ใช้อารมณ์ในการพูดคุยกับเด็ก
หนึ่งในวิธีการเปลี่ยน Mindset ของเด็กให้ดียิ่งขึ้นคือการหลีกเลี่ยงการใช้อารมณ์ในการพูดคุยกับเด็ก เนื่องจากการใช้อารมณ์หรือปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลจะทำให้เด็กซึมซับคำพูดและพฤติกรรมต่าง ๆ ไปใช้ในอนาคต รวมถึงทำให้เด็กมีความหวาดกลัวต่อการแสดงออกอีกด้วย ดังนั้นเมื่อมีอารมณ์ที่ขุ่นมัวจึงยังไม่ควรพูดคุยกับเด็ก แต่ควรสงบอารมณ์ด้วยวิธีการเหล่านี้
- หายใจเข้าออกลึก ๆ
- พยายามทำจิตใจให้สงบลง
- ตั้งสติให้เข้าที่
ไม่ล้อเลียนเด็กเมื่อมีความผิดพลาด
การล้อเลียนเด็กเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นและไม่ควรมองว่าเป็นเรื่องตลก หรือเรื่องปกติที่คนทั่วไปก็ทำกัน เนื่องจากการล้อเลียนเด็กนั้นจะส่งผลต่อความคิดและทัศนคติของเด็ก ทำให้ไร้ความมั่นใจตัวเอง ขี้กลัว และหวาดระแวงเกินกว่าจะทำสิ่งต่าง ๆ ได้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งอาจกลายมาเป็นแผลใจของเด็กในที่สุด
ดังนั้นเราจึงควรพยายามพูดกับเด็กให้เห็นข้อดีของตัวเองและภูมิใจในตัวเองอยู่เสมอ เพื่อแสดงให้เห็นว่าตัวเด็กเองมีคุณค่าและสามารถพัฒนาต่อไปได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
กล่าวตักเตือนที่พฤติกรรม
การกล่าวตักเตือนเด็กนั้นควรจะตักเตือนที่ “พฤติกรรม” ไม่ใช่ “ตัวตน” ของเด็ก เพราะการตักเตือนที่พฤติกรรมจะทำให้เด็กรู้ว่าสิ่งที่ไม่ดีคือพฤติกรรมไม่ใช่ตัวตนของเด็กเอง เช่น ตักเตือนเด็กว่า “การนอนตื่นสายไม่ดี” แทนที่จะตำหนิที่ตัวตนว่า “ทำไมนอนตื่นสาย”
เมื่อเราใช้วิธีการตักเตือนที่พฤติกรรมแทนก็จะทำให้เด็กรู้ว่าพฤติกรรมแบบไหนควรทำหรือไม่ควรทำ และที่สำคัญการตักเตือนแบบนี้จะทำให้เด็กไม่สูญเสียความมั่นใจในตัวเอง อีกทั้งยังช่วยให้เด็กสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
สร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่นั้นสำคัญมากในการเสริมสร้างให้เด็กมี Growth Mindset เพราะความสัมพันธ์ที่ดีคือสิ่งที่ทำให้เด็กไว้ใจ เชื่อใจ และสัมผัสได้ถึงความรัก ความหวังดีที่ผู้ใหญ่มีต่อตัวเอง
ดังนั้นเมื่อเด็กมีความไว้วางใจในความสัมพันธ์แล้ว ก็จะทำให้เด็กรับรู้ว่าการกล่าวตักเตือนหรือคำสอนที่ได้รับนั้นมาจากความรักและความหวังดีจากผู้ใหญ่นั่นเอง
พัฒนา Growth Mindset ด้วย Summer Camp
เชื่อว่าทุกคนคงจะเห็นแล้วว่าการมี Growth Mindset นั้นสำคัญและดีต่อเด็กมากเพียงใด หากยังรู้สึกว่าวิธีการเสริมทัศนคติดี ๆ ที่บ้านหรือโรงเรียนนั้นไม่เพียงพอ เราขอแนะนำการพัฒนา Growth Mindset ด้วย Summer Camp ที่เต็มไปด้วยกิจกรรมที่สามารถส่งเสริม Growth Mindset รวมถึง Self-Esteem ของเด็ก ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน เพราะทาง SMART-i Camp ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้จากประสบการณ์ (Experiential Learning) และไม่ตัดสินเด็กจากผลลัพธ์ ขอบอกเลยว่าค่ายดี ๆ แบบนี้พร้อมให้เด็กพัฒนาตัวเองได้อย่างไร้ขีดจำกัดด้วยตัวอย่างกิจกรรมต่าง ๆ เหล่านี้
กิจกรรมเปิดพื้นที่ปลอดภัยโดย SMART-i Camp
กิจกรรมพื้นที่ปลอดภัยโดย SMART-i Camp จะเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้เด็กรู้สึกปลอดภัยทางความคิด ไม่มีการตัดสิน แข่งขัน เปรียบเทียบ ช่วยให้เด็กกล้าคิดนอกกรอบ กล้าทำในสิ่งที่ไม่เคยมารู้ก่อน เพราะค่ายที่ถูกจัดโดย SMART-i Camp จะไม่มีการที่เด็กถูกตัดสินจากครู เพื่อน หรือคนอื่น ๆ โดยเฉพาะการตัดสินจากตัวเด็กเอง
กิจกรรมถ่ายทำหนังสั้นโดย SMART-i Camp
กิจกรรมถ่ายทำหนังสั้นจะเป็นกิจกรรมที่เสริมให้เด็ก ๆ กล้าแสดงออกมากกว่าเดิม ด้วยการได้ร่วมแสดงความเห็น แชร์ไอเดีย ระดมความคิด เพื่อรังสรรค์โครงเรื่องของหนังสั้นออกมาอย่างสร้างสรรค์ รวมไปถึงการฝึกซ้อมการแสดง และการถ่ายทำหนังสั้นด้วยเทคนิค Filming With Green Screen
กิจกรรม Dance Battle โดย SMART-i Camp
กิจกรรม Dance Battle จะเป็นกิจกรรมที่เด็ก ๆ ให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ โดยจะเป็นกิจกรรมที่ฝึกการอยู่ร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว และฝึกซ้อมเต้นจากครูผู้เชี่ยวชาญ เพื่อก้าวสู่สนาม Dance Battle
กิจกรรม Adventure โดย SMART-i Camp
กิจกรรม Adventure คือกิจกรรมผจญภัยที่ถูกออกแบบมาเพื่อท้าทายร่างกายและจิตใจ พร้อมช่วยส่งเสริมให้เด็ก ๆ สามารถก้าวผ่านความกลัวของตัวเองได้ และเสริมให้เด็ก ๆ ได้เติบโตขึ้นอีกระดับอย่างมีประสิทธิภาพ
ผลลัพธ์ดี ๆ จากการสร้าง Growth Mindset ให้กับเด็ก
เมื่อ “Growth Mindset” คือทัศนคติที่ให้ความสำคัญกับ “ความสามารถในการเรียนรู้ จากไม่รู้ >> กลายเป็นรู้” และ “ความพยายาม” ในการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัวแบบไร้กรอบและยืดหยุ่น จึงทำให้เด็กที่เติบโตมากับการถูกส่งเสริมให้มีทัศนคติ Growth Mindset อยู่ตลอดเวลานั้นจะมีความสามารถในการใช้ชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการมี Growth Mindset เป็นหลักสำคัญจะมีผลลัพธ์อะไรบ้าง? ไปดูพร้อม ๆ กันได้เลย
เด็กที่มี Growth Mindset จะมีพัฒนาการดังนี้
SMART-i’s Growth Mindset Diagram
- เชื่อว่าตัวเองสามารถพัฒนาได้อย่างไม่มีขีดจำกัด
- เห็นคุณค่าของตัวเองและรู้ว่าตัวเองมีดีอะไร
- รู้ว่าตัวเองมีจุดอ่อนอะไร
- ยอมรับในตัวตนของตัวเอง และไม่โทษตัวเองหรือไม่โทษคนอื่น
- ใช้หลักคิดของ Growth Mindset เพื่อออกจาก Comfort Zone
- มีความพยายามในการเรียนรู้สิ่งใหม่
- เมื่อทำบางอย่างไม่สำเร็จก็ไม่ล้มเลิกง่าย ๆ
- มีทัศนคติแบบ You Win or You Learn
- ไม่เกรงกลัวต่อความท้าทาย ปัญหา อุปสรรคที่รอคอยอยู่ในภายภาคหน้า
- ไม่ตัดสินคนอื่น พร้อมรับฟังความคิดเห็นเสมอ
- ในที่สุดก็กลายเป็นคนที่มี Lifelong Learning Skills สามารถพัฒนาตัวเองไปสู่จุดที่ประสบความสำเร็จอย่างมีความสุข
เรียกได้ว่าการเสริมสร้าง Growth Mindset ตั้งแต่ในวัยเยาว์นั้นช่วยให้เด็กสามารถปรับและเปลี่ยน Mindset ให้เป็นไปในทางที่กล้าคิด กล้าทำ พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ตลอดเวลา ทั้งยังสอดคล้องในการใช้ Growth Mindset กับการศึกษาที่ส่งเสริมให้การเรียนรู้กลายเป็นสิ่งท้าทายที่นำเด็ก ๆ ไปสู่เส้นทาง
การพัฒนา Growth Mindset ได้อย่างยั่งยืน