“เมื่อโลกหมุนไปแต่ระบบการศึกษาไม่หมุนตาม”
Wrap Up:
- การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ หรือ การให้การศึกษาคน ในมุมมองด้านเศรษฐกิจ คือ การสร้างปัจจัยการผลิตที่ทรงคุณค่า ดังนั้น จึงมีการคิดค้นระบบการศึกษาขนาดใหญ่ เน้นมาตรฐาน ทำให้สามารถพัฒนาคนจำนวนมากให้มีทักษะตามที่อุตสาหกรรมต่างๆต้องการจาก Economy of Scale
- เมื่อ เทคโนโลยีใหม่ได้ขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจให้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็จ ระบบการศึกษาไม่สามารถผลิตบุคคลากรให้ตอบสนองต่อความต้องการได้ทัน การจ้างงานต้องการคนที่มีทักษะใหม่ๆ และแรงงานกำลังจะถูกทดแทนด้วย AI
- ผลวิจัยจาก World Economic Forum ระบุว่า ระบบการศึกษาต้องสร้างคนรุ่นใหม่ให้มีทักษะใหม่ๆ เพื่อให้สามารถรับคลื่นการเปลี่ยนแปลงจากนวตกรรมเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ ทักษะเหล่านั้น ถูกเรียกว่า ทักษะในศตวรรษที่ 21 (21st Century Skills)
- ทักษะในศตวรรษที่ 21 (21st Century Skills) แบ่งเป็น 3 ทักษะหลักๆ คือ ทักษะการเรียนรู้ เพราะความรู้เปลี่ยนแปลงบ่อยขึ้นเรื่อยๆ เด็กต้องมีความสามารถในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆหรือ Life Long Learning ต่อมาคือ ทักษะความเข้าใจและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และสุดท้าย คือ ทักษะชีวิต คือ เข้าใจตนเองและรู้จักปรับตัวเข้ากับบริบทของสังคมที่เปลี่ยนไป
- ทักษะสำหรับมนุษย์ที่จำเป็นมาตลอดและจำเป็นขึ้นเรื่อยๆ คือ Social Emotional Leaning : SEL ตราบใดที่ มนุษย์ยังเป็นสัตว์สังคม ทักษะการเข้าใจและจัดการตนเอง ทักษะการเข้าใจผู้อื่นและบริืหารความสัมพันธ์ก็ยังมีความสำคัญอยู่ต่อไป ที่สำคัญที่สุด คือทักษะการตัดสินใจบทพื้นฐานของความรับผิดชอบ
Educational Disruption
Disruption มีผลกระทบกับเศรษฐกิจและการศึกษาอย่างชัดเจน ส่งผลให้บทบาทหน้าที่ของสมาชิกในระบบการศึกษาต้องเปลี่ยนไป
กระทรวงศึกษา ต้องเปลี่ยนหน้าที่จากผู้ดำเนินภาระกิจทางการศึกษา เปลี่ยนไปเป็น Rugulator เป็นผู้กำหนดกฏเกณฑ์การจัดการศึกษา ส่งเสริมให้เกิดวิสาหกิจทางการศึกษา สร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ ส่งเสริมงานวิจัย สร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ ทำการตลาดการศึกษาไทย และส่งออกการศึกษาไทย
โรงเรียนต้องเปลี่ยนบทบาทจากการเป็นผู้ประสิทธิประสาทความรู้ เป็นสถานที่บ่มเพาะบุคลากรของชาติที่มีวิธีคิด (Mindset) และตัวตน (Character) มีนิสัยแห่งความสุขและความสำเร็จ
ครู ต้องเปลี่ยนบทบาทจากผู้บอก/ผู้สอน เป็นผู้ตั้งคำถาม สอนวิธีหาคำตอบ มากกว่าที่จะบอกว่าคำตอบไหนผิด-ถูก เปี่ยนจาก Intructor เป็น Coach หรือ Facilitator
ผู้เรียน เปลี่ยนบทบาทจากผู้รับการเรียนรู้ เป็นผู้กำหนดการเรียนรู้ เป็นผู้กำหนดหลักสูตร เป็นจากลูกบอลเป็นนักบอล ส่งเสริมการเรียนรู้ผ่าน Peer Learning เป็นผู้สร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้
ผู้ปกครอง เปลี่ยนบทบาทจากผู้รับบริการทางการศึกษา เป็นผู้มีส่วนร่วมจัดการการศึกษา
>21st-Century Skill คืออะไร? และมีอะไรบ้าง?
> World Economic Forum แบ่งเป็น 3 ทักษะหลักๆ คือ
1. ทักษะความเข้าใจและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล คือ รู้จักใช้ประโยชน์ และป้องกันตัวเองให้พ้นจากภัยจากโลกออนไลน์ได้
-
- 1.Information Literacy หรือ ความรู้ความเข้าใจข้อมูล สามารถแยกแยะข้อมูลจริงและเท็จแล้วนำไปใช้ประโยชน์ได้
- 2.Media Literacy หรือ ความรู้เท่าทันสื่อสารสนเทศ สามารถแยกแยะสื่อที่น่าเชื่อถือ และไม่น่าเชื่อถือได้
- 3.Technology Literacy หรือ ความรู้ความเข้าใจในคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง สามารถเข้าใจภาษาที่ใช้สื่อสารกับคอมพิวเตอร์ได้)
-
- 2.1.Critical Thinking คือ ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ คือ “คิดเป็น” เป็นกระบวนการจับประเด็นปัญหา หาข้อมูลอย่างไม่มีอคติ สรุปปัญหา และตัดสินใจเชื่อหรือลงมือปฏิบัติแก้ปัญหา
- 2.2.Collaboration คือ ทักษะในการทำงานร่วม เช่น คิดแบบ Win-Win, มี Mindset แบบ Team-Oriented ได้แก่ Inside-out เช่น การเข้าใจตนเอง และ Outside-In เข้าใจผู้อื่น ได้แก่ Empathy, Deep Listening
- 2.3.Creativity คือ ความคิดเชิงสร้างสรรค์ ได้แก่ Positive Thinking, Constructive Thinking และ Creative Thinking
- 2.4.Communication คือ ทักษะในการสื่อสารทั้งการพูด การเขียน การนำเสนอ การใช้เครื่องมือ
3. ทักษะชีวิต คือ เข้าใจตนเองและรู้จักปรับตัวเข้ากับบริบทของสังคมที่เปลี่ยนไป ซึ่งเป็นทักษะพื้นฐานที่เด็กๆควรมีในการดำเนินชีวิต ได้แก่
-
- 3.1.Flexibility หรือ ความยืดหยุ่น ปรับตัว ปรับใจ ปรับวิธีการ รับมือความเปลี่ยนแปลงได้
- 3.2.Leardership หรือ ทักษะความเป็นผู้นำ คือ รู้จักนำ รู้จักตาม รับฟัง ประสานประโยชน์ (Synergy)
- 3.3.Initiative หรือ ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
- 3.4.Productivity หรือ การใช้ชีวิตให้ได้ประโยชน์สูงสุด เช่นการมีเป้าหมาย มีวินัย และการบริหารเวลา
- 3.5.Social Skills หรือ ทักษะทางด้านสังคม
ที่สำคัญ ต่อให้มนุษย์จากพัฒนาด้านเทคโนโลยีไปมากแค่ไหน ธรรมชาติที่สำคัญที่สุดของมนุษย์ก็มิได้เปลี่ยนแปลงไปเลย นั่นคือ ความจริงที่ว่า มนุษย์เป็นสัตว์สังคม
มนุษย์เรายังต้องการสิ่งพื้นฐานเดิมๆ ด้านสุขภาวะและด้านจิตวิทยาสังคม เช่น มนุษย์ยังต้องการสัมพันธภาพ (ทั้ง Physical และ Virtual) มนุษย์ยังต้องมีความสัมพันธ์กับตนเอง คือต้องการความเข้าใจจิตใจตนเอง เสมอมาไม่ว่าจะอยู่ในยุคไหน
ในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา ได้มีการศึกษาวิจัยกระบวนการกี่ยวกับวิธีการสร้างทักษะเกี่ยวกับการจัดการตนเองและสังคม ซึ่งสอดคล้องกับการทำงานของสมองส่วนหน้า ซึ่งทำหน้าที่ให้เกิด กระบวนการรู้คิดหรือ Executive function (EF)
การเรียนรู้ทางอารมณ์และสังคม (Social and Emotional Learning : SEL) คือ กระบวนการที่เด็กๆ สามารถเข้าใจและจัดการอารมณ์ของตน การตั้งเป้าหมายและการบรรลุเป้าหมาย เข้าใจและแสดง ความเห็นใจผู้อื่น สร้างและการรักษาความสัมพันธ์ ตัดสินใจอย่างรับผิดชอบต่อความสัมพันธ์นั้น SEL จึงเป็นความสามารถที่อยู่โดยรอบแกนของการเรียนรู้ เช่น การอ่าน การเขียน และ คณิตศาสตร์ เป็นทักษะที่ช่วยในเรื่องความคิดสร้างสรรค์ การแก้ปัญหา การสื่อสาร และเป็นหัวใจของ การปฏิสัมพันธ์ทางสังคม
SEL จึงมีความหมายที่คลอบคลุมถึงความฉลาดทางอารมณ์(emotional quotient: EQ) ด้วย
คุณสมบัติ 5 ประการ ทักษะการเรียนรู้ทางอารมณ์และสังคมประกอบด้วยนี้ คือ
- การตระหนักรู้ในตัวเอง (Self Awareness): เข้าใจและระบุได้ว่า ความคิดและอารมณ์ที่ เกิดขึ้นคืออะไร ส่งผลต่อพฤติกรรมอย่างไร รวมทั้งรู้ข้อจำกัดในการควบคุมอารมณ์ของตัวเอง มีความ มั่นใจและมองโลกในแง่ดี
- การรู้จักบริหารจัดการอารมณ์ (Self Management): ความสามารถในการควบคุมอารมณ์ ความคิด และพฤติกรรมของตนเองทีมีต่อสถานการณ์ต่างๆ รวมไปถึงสามารถจัดการความเครียด ควบคุมและจูงใจตนเอง ตลอดจนสามารถตั้งเป้าหมายและลงมือปฏิบัติเพื่อให้บรรลุเป้าหมายได้
- ความเข้าใจหรือตระหนักรู้ด้านสังคม (Social Awareness): ความสามารถในการเข้าใจและ เอาใจใส่ผู้อื่นที่มีพื้นฐานแตกต่างไปจากตนเองได้ รวมไปถึงสามารถทำความเข้าใจพฤติกรรมต่างๆ ที่ เป็นผลมาจากสังคม ค่านิยม และจริยธรรมที่แตกต่าง และสามารถรับรู้เกี่ยวกับปัจจัยสนับสนุนต่างๆ ที่ ได้รับจากครอบครัว โรงเรียน และสังคม
- มีทักษะด้านความสัมพันธ์ (Relationship Skills): ความสามารถในการสร้างและรักษา สัมพันธภาพระหว่างบุคคลและกลุ่มคนได้ รวมไปถึงสามารถสื่อสารได้ชัดเจน ร่วมมือกับผู้อื่น ต่อต้าน ความไม่ถูกต้องของสังคม เจรจาต่อรองเพื่อจัดการความขัดแย้ง ร้องขอและให้ความช่วยเหลือเมื่อจำเป็นได้ ทักษะด้านการสื่อสาร รับฟัง เชื่อมประสาน เป็นมิตร ประนีประนอม รู้ว่าเมื่อไรและอย่างไรจึงจะเป็น ส่วนหนึ่งของทีมหรือกลุ่ม และเป็นผู้นำได้
- รับผิดชอบในสิ่งที่ตัดสินใจได้ (Responsible Decision Making): ความสามารถในการสร้างทางเลือกของการแสดงออกและการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมบนพื้นฐานของมาตรฐานทางจริยธรรม การคำนึงถึง ความปลอดภัย และบรรทัดฐานทางสังคม รวมไปถึงสามารถในการพิจารณาถึงสุขภาวะของตนเองและ ผู้อื่นได้
Reference
1. พ.ญ. นภัทร สิทธาโนมัย
Course
Coming Soon
Workshop
Coming Soon
2
Course
Coming Soon
3
Workshop
Coming Soon