การศึกษาในห้องเรียนแบบปกติอาจไม่ตอบโจทย์โลกที่กำลังหมุนไปเรื่อยๆ พร้อมกับผู้คนที่จำเป็นต้องดำเนินวิถีชีวิตแบบใหม่ตาม New normal อีกต่อไป คือ เน้นเรียนออนไลน์มากขึ้น และเรียนในห้องเรียนตามปกติน้อยลง ส่งผลให้การเปลี่ยนรูปแบบกะทันหันมีหลายฝ่ายที่ปรับตัวไม่ทัน ยังไม่เข้าใจ และยังไม่เห็นด้วยกับการศึกษาแบบนี้เท่าไหร่นัก เราจึงขอพาคุณพ่อและคุณแม่ทุกท่านมาทำความรู้จัก และปรับการเลี้ยงลูกให้เหมาะสมในยุคการศึกษาแบบ New normal อย่างไร
การศึกษาแบบ New normal ไม่ใช่เรื่องใหม่
การศึกษาบนแพลตฟอร์มใหม่ไม่ใช่ New normal หรือปรากฏการณ์สิ่งใหม่ เพราะในหลายภาคส่วนได้มีความพยายามที่จะพัฒนาการเรียนการสอนแบบใหม่นอกจากการเรียนในห้องปกติมากขึ้น เช่น การเรียนทางไกลผ่านวิดีโอ การเรียนออนไลน์ ฯลฯ แต่ส่วนใหญ่ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรจนกระทั่งเกิดวิกฤตโควิด-19 แพร่ระบาด ทำให้เกิดการศึกษาแบบ New normal ที่เน้นศึกษานอกห้องเรียนมากกว่าในห้องเรียนแบบกะทันหัน เราจึงควรใช้โอกาสนี้ในการเข้าใจการศึกษาแบบ New normal และหาทางปรับการเลี้ยงลูกให้เข้ากับการศึกษาแบบเดิมให้เหมาะสม
แพลตฟอร์มใหม่กับปฏิสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไป
แพลตฟอร์มเปิดกว้างให้ผู้เรียนสามารถเข้าถึงการเรียนรู้ได้สะดวกมากกว่าการอยู่ในห้องเรียน จากเดิมที่จุดสนใจของผู้เรียนจะมาอยู่ที่ผู้สอนอย่างเดียวและผู้สอนจะมีปฏิสัมพันธ์กับผู้เรียนได้ทั้งสองฝ่ายโดยตรง แต่การเรียนรูปแบบใหม่ได้มีการใช้เทคโนโลยีมาสร้างสรรค์การเรียนรู้มากขึ้นเพื่อสอนผ่านแพลตฟอร์มใหม่ เช่น ทางออนไลน์ผ่านแท็บเล็ต โทรทัศน์ ฯลฯ ซึ่งทำให้ปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้สอนและนักเรียนลดลง แต่ปฏิสัมพันธ์และการเลี้ยงลูกภายในครอบครัวจะมีความสำคัญมากขึ้น
บทบาทของการประเมินผลที่เพิ่มขึ้น
เมื่อปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้สอนและนักเรียนลดลง ทำให้การประเมินผลสำหรับการศึกษาแบบ New normal สำคัญมากขึ้น เพื่อเช็กระดับของพัฒนาการความสนใจ เข้าใจ และการเรียนรู้ของนักเรียน เนื่องจากรูปแบบการเรียนการสอนและสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปย่อมส่งผลกระทบต่อผู้เรียน เช่น แรงจูงใจของผู้เรียนที่อาจสนใจเรียนน้อยลง, การมีส่วนร่วมภายในห้องเรียนระหว่างผู้สอนและเพื่อนนักเรียนด้วยกันเอง, ความเหมาะสมของบทเรียน ฯลฯ จำเป็นต้องมีการประเมินผลจากพฤติกรรมระหว่างเรียน ชิ้นงาน และอื่นๆ มากกว่าการสอบแบบเดิม
ครอบครัวต้องร่วมปรับตัวเลี้ยงลูก เพราะ New normal ไม่ใช่ปิดเทอม
การศึกษาแบบ New normal ไม่ใช่ว่าการศึกษาแบบนั่งเรียนในห้องปกติจะไม่สำคัญ แน่นอนว่า ยังคงสำคัญเหมือนเดิม แค่มีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง และการเปลี่ยนแปลงนี้ เช่น รูปแบบการเรียน ฯลฯ ไม่ใช่เพียงชั่วคราวเหมือนปิดเทอม ครอบครัวที่มีความสำคัญกับการเลี้ยงลูกจึงจำเป็นต้องปรับตัวร่วมกับผู้เรียน ปรับแวดล้อมให้เหมาะสมกับการเรียน เพื่อช่วยให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่และมีความสุข เช่น การจัดหาทรัพยากรเพื่อการศึกษา จัดห้องให้เหมาะสมกับการเรียน รู้ตารางเรียน ตารางสอบ และเนื้อหาการเรียนเพื่อสนับสนุนให้สามารถเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ฯลฯ นอกจากนี้ ยังควรหาวิธีการเสริมในสิ่งที่เด็กไทยยังคงขาด และอาจหาไม่ได้จากการศึกษาแบบ New normal เช่น การรู้จักตั้งเป้าหมาย, การกล้าแสดงออก, ความรับผิดชอบ, Self esteem เป็นต้น ควรหาวิธีซัพพอร์ตด้วยการสนับสนุนให้เข้าร่วมค่ายปิดเทอม
การตั้งเป้าหมาย ความรับผิดชอบ Self Esteem ฯลฯ ไปจนถึงพัฒนาการกล้าแสดงออกและความมั่นใจยังคงเป็นสิ่งสำคัญกับเด็กทุกคน หากคุณพ่อคุณแม่ท่านใดกำลังวางแผนการเลี้ยงลูกให้เติบโตได้อย่างมีสุขภาพจิตที่ดีและสามารถแสดงออกได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราขอแนะนำ ค่ายปิดเทอม Summer Camp จาก SMART-i Camp ซึ่งมีให้เลือกด้วยกันถึง 3 หลักสูตร สามารถเลือกรูปแบบค่ายได้ว่าจะไปเช้า-เย็นกลับ หรือค้างคืน ปรับให้เด็กๆ ได้มีพัฒนาการกล้าแสดงออกและความมั่นใจมากขึ้นควบคู่กับการศึกษาแบบ New normal