ทราบหรือไม่ว่าคำพูดชื่นชมลูก ประโยค ให้กำลังใจลูก เป็นทั้งการแสดงความรักที่มีต่อลูกน้อย และยังเป็นการเสริมสร้างพลังใจให้แก่ลูกน้อยหลาย ๆ ด้านอีกด้วย หลายคนอาจเคยได้ยินว่าหากคำพูดชื่นชมลูกมากเกินไป อาจทำให้เด็กเหลิงจนเสียคน แต่ข้อเท็จจริงของตรรกะนี้คือหากคุณพ่อคุณแม่อยากสอนการเป็นลูกที่ดีให้แก่เด็ก ๆ คำพูดชื่นชมลูกจากใจจริงและคอยให้กำลังใจพวกเขาอย่างสม่ำเสมอจะเป็นตัวแปลให้เด็ก ๆ เติบโตได้อย่างเต็มที่ บทความนี้ SMART-i Camp ผู้ให้บริการ Summer Camp Thailand จะมาบอกเทคนิคดี ๆ ในการชมลูกน้อย เพื่อให้เขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มั่นใจในตัวเองและสามารถเผชิญกับความท้าทายในชีวิต
อย่างมั่นคง

คำพูดชื่นชมลูกที่ส่งผลดีและเป็นประโยชน์ต่อลูกน้อยมีอะไรบ้าง?

คำพูดชื่นชมลูกและประโยค ให้กำลังใจลูกนับเป็นสิ่งสำคัญในการแสดงความรัก รวมถึงช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและพัฒนาทางจิตใจให้ลูกน้อย อย่างไรก็ตาม หลาย ๆ คนอาจเคยได้ยินผ่านหูผ่านตากันมาบ้างว่าคำพูดชื่นชมลูกที่มีมากเกินไป จะทำให้ลูกเหลิงและขาดการพัฒนาตัวเอง แต่ในความจริง คำพูดชื่นชมลูกที่เหมาะสม มาจากใจจริง จะช่วยส่งเสริมให้ลูกน้อยมีแรงบันดาลใจในการพัฒนาตนเองและมีความมั่นใจในการเรียนรู้มากยิ่งขึ้น 

คำพูดชื่นชมลูกที่มีประสิทธิภาพไม่ควรมุ่งเน้นแค่ผลลัพธ์หรือความสำเร็จสุดท้าย  แต่ควรให้ความสำคัญกับความพยายามและกระบวนการที่ลูกได้ทำ คำพูดชื่นชมลูกในลักษณะนี้จะช่วยให้เด็กเข้าใจว่าความพยายามที่พวกเขาลงไปนั้นมีความหมาย ทำให้พวกเขามีความตั้งใจที่จะพัฒนาในด้านต่าง ๆ อย่างยั่งยืนและมั่นคง ซึ่งจะส่งผลดีทั้งในระยะสั้นและระยะยาวต่อการเติบโตและการพัฒนาของพวกเขา แล้วคำพูดชื่นชมลูกที่ส่งผลดีนั้นคืออะไรบ้าง มาดูคำพูดชื่นชมลูกที่ครูแก๊ปนำมาฝากไปพร้อม ๆ กันเลย

1. ชมลูกว่ามีความตั้งใจในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

การพูดประโยค ให้กำลังใจลูกและชื่นชมในเรื่องที่เขามีความตั้งใจจากการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง จะช่วยให้ลูกรับรู้ได้ว่าความพยายามและความตั้งใจของพวกเขามีค่า สมควรได้รับการยกย่อง แม้ว่าผลลัพธ์อาจไม่สมบูรณ์แบบตามที่คาดหวังก็ตาม แต่คำพูดชื่นชมลูกที่ได้รับจะเสริมสร้างทักษะการคิดเชิงบวกได้ดี ทำให้พวกเขากล้าที่จะเผชิญกับความท้าทายในอนาคต ตลอดถึงสามารถปรับตัวในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดได้

ตัวอย่างคำชม : “ลูกตั้งใจทำการบ้านมากเลยนะ ขอบคุณที่พยายามจนเสร็จ”

2. ชมลูกว่ามีความพยายามในตัวเอง

คำพูดชื่นชมลูกที่เน้นไปที่ความพยายามที่ลูกแสดงออกมา ไม่ว่าจะเป็นด้านการเรียนหรือการทำกิจกรรมต่าง ๆ จะช่วยให้ลูกเข้าใจว่า ความสำเร็จไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเก่งกาจเพียงอย่างเดียว แต่ความพยายามเป็นกุญแจสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จ ซึ่งจะทำให้ลูกเห็นคุณค่าของความพยายามในการทำงานหนัก นอกจากนี้ยังช่วยให้เขารู้จักการเรียนรู้จากความผิดพลาด และไม่รู้สึกท้อแท้เมื่อไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการในครั้งแรก ส่งผลให้พวกเขาจะรู้สึกพร้อมที่จะลองใหม่และไม่ยอมแพ้เมื่อเจออุปสรรคต่าง ๆ

ตัวอย่างคำชม : “เห็นลูกพยายามฝึกซ้อมกีฬาจนเก่งขึ้นทุกวันเลยนะ ลูกทำได้ดีมากเลย”

3. ชื่นชมในสิ่งที่ลูกเป็น โดยไม่ต้องมีการเปรียบเทียบ

อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญมากสำหรับคำพูดชื่นชมลูกคือ คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรเปรียบเทียบลูกน้อยกับผู้อื่น เพราะการเปรียบเทียบมักทำให้พวกเขาเกิดความรู้สึกด้อยค่า ดังนั้นคำพูดชื่นชมลูกที่ดีจึงควรชื่นชมในสิ่งที่พวกเขาเป็น โดยไม่เปรียบเทียบ การชมแบบนี้จะทำให้ลูกรู้สึกภูมิใจในตัวเอง ทำให้พวกเขามี Self-Esteem สูงขึ้น ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาตัวเอง 

หากจะเปรียบเทียบ ควรเปรียบเทียบลูกกับตัวเขาเองในอดีต เช่น หากลูกเคยทำการบ้านไม่เสร็จในวันก่อน คุณพ่อคุณแม่อาจจะบอกว่า “เมื่อวานลูกทำไม่ทัน แต่วันนี้ลูกทำเสร็จแล้ว ดีมากเลยที่ลูกพยายามและพัฒนาไปได้” การเปรียบเทียบแบบนี้จะช่วยให้ลูกเห็นความคืบหน้าและการพัฒนาของตัวเอง โดยไม่ต้องแข่งขันกับใคร และเขาจะรู้สึกว่าการพัฒนาคือการเติบโตที่เกิดจากตัวเขาเอง ไม่ใช่การเป็นตัวตนที่เหมือนใครคนอื่น

หากพ่อแม่ไม่ให้คำพูดชื่นชมลูก มีแต่คำตำหนิจะส่งผลอย่างไรบ้าง

เมื่อคุณพ่อคุณแม่ไม่ให้คำพูดชื่นชมลูกน้อย หรือให้แค่คำตำหนิอย่างไม่หยุดยั้ง เด็ก ๆ ก็จะเริ่มรู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้รับการยอมรับและมีความมั่นใจถดถอยลง ผลกระทบที่ตามก็คือการเด็ก ๆจะไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง ขาด

Self-Esteem ในการทำสิ่งต่าง ๆ ทั้งที่เขาอาจจะพยายามทำดีที่สุดแล้ว แต่ไม่เคยได้รับการชมเชยหรือการยอมรับที่เป็นประโยค ให้กำลังใจลูกจากคนสำคัญที่สุดในชีวิตของเขาเลย ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจกลายเป็นปมในจิตใจของพวกเขา และส่งผลให้เขาขาดความสุขในชีวิตและปัญหาทางจิตใจตามมาในอนาคตได้

1. ไม่เห็นคุณค่าของตนเอง: เมื่อไม่ได้รับคำพูดชื่นชมลูกจากพ่อแม่ เด็กจะเริ่มคิดว่าตัวเองไม่ดีพอและไม่สามารถทำอะไรได้ดี ความรู้สึกนี้จะส่งผลให้เขามองตัวเองในแง่ลบ
     และไม่มั่นใจในตัวเอง
2. คิดว่าตัวเองด้อยกว่าคนอื่น: การไม่ได้รับคำชมทำให้เด็กคิดว่าตัวเองด้อยกว่าผู้อื่น เมื่อเขามองว่าคนอื่นทำได้ดีกว่า เขาจะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีความสามารถ และกลัวในการ
     พยายามหรือแข่งขันในอนาคต
3. ไม่รู้สึกถึงความรักจากพ่อแม่: แม้พ่อแม่จะรักลูก แต่การไม่แสดงออกที่ชัดเจนทั้งการกระทำและคำพูดชื่นชมลูก อาจทำให้เด็กคิดว่าพ่อแม่ไม่รักเขา ซึ่งทำให้เขาไม่รู้สึกถึง
     ความรักและการยอมรับ
4. ไม่เป็นตัวของตัวเอง: การไม่ได้รับคำพูดชื่นชมลูกอาจทำให้เด็กไม่กล้าเป็นตัวของตัวเองและมีพฤติกรรมคล้อยตามคนอื่น เพราะคิดว่าไม่สามารถทำได้ดีเท่าคนอื่น ส่งผลให้เขา
     ขาดอิสระในการคิด
5. ไม่รู้จักการชื่นชมผู้อื่น: เมื่อไม่ได้รับคำพูดชื่นชมลูกจากพ่อแม่ เด็กจะไม่มีตัวอย่างในการชื่นชมผู้อื่น ส่งผลให้ขาดทักษะทางสังคม และอาจนำไปสู่ปัญหาความสัมพันธ์ในอนาคต

คำพูดชื่นชมลูกแบบไหนที่อาจทำให้ลูกรู้สึกไม่ดี พ่อแม่ไม่ควรเลี่ยง

แม้ว่าประโยค ให้กำลังใจลูกและคำพูดชื่นชมลูกจะเป็นสิ่งสำคัญในการเสริมสร้างความพัฒนาความมั่นใจ พัฒนาความคิดเชิงบวก และเป็นตัวกระตุ้นให้เด็ก ๆ เติบโตในทิศทางที่ดี แต่ก็มีคำพูดชื่นชมลูกที่ดูเหมือนเป็นการแสดงความรักแบบผิด ๆ และอาจส่งผลในทางตรงกันข้ามได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น การทำให้เด็กเกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับความสามารถของตัวเอง การทำให้พวกเขาหลงทางในการพัฒนาตัวเอง ตลอดถึงการขาด Growth Mindset ที่ดีในการเติบโต ดังนั้นเพื่อไม่ให้คำพูดชื่นชมลูกกลับกลายเป็นดาบที่ทำร้ายลูกน้อย ครูแก๊ปแห่ง SMART-i Camp จะชวนไปดูว่าคำชมแบบไหนบ้างที่คุณพ่อคุณแม่ควรหลีกเลี่ยง

1. การชมไปเรื่อย

คำพูดชื่นชมลูกอย่าง “เก่งมากเลย” หรือ “สุดยอดไปเลย” เป็นคำพูดชื่นชมลูกที่ไม่เจาะจงและไม่มีเนื้อหาชัดเจน ซึ่งอาจทำให้เด็กไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้รับคำชม พวกเขาจะไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรดีและสิ่งไหนที่พ่อแม่ชื่นชม คำพูดชื่นชมลูกแบบนี้จะส่งผลทำให้เด็กไม่สามารถรู้ได้ว่าพฤติกรรมหรือการ
กระทำแบบไหนที่ควรทำซ้ำหรือพัฒนาต่อไป

2. การชมที่เกินจริง

คุณพ่อคุณแม่ควรเลี่ยงคำพูดชื่นชมลูกที่เกินจริง เช่น “ลูกเก่งที่สุดในโลก” คำพูดชื่นชมลูกแบบนี้ แม้ว่าจะทำให้เด็ก ๆ ดีใจและมีความสุขในตอนแรก แต่ก็อาจทำให้เด็ก ๆ เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับตัวเอง หรือเกิดการหลงตัวเองมากเกินไปได้เช่นกัน เพราะพวกเขาอาจคิดว่าตัวเองเป็นคนที่เก่งที่สุด ไม่มีใครเก่งไปกว่าเขา หรือคิดว่าตัวเองอยู่เหนือกว่าผู้อื่นทุกคน จนไม่พยายามที่จะพัฒนาตัวเองให้ก้าวต่อไป นอกจากนี้ยังอาจก่อให้เกิดปัญหาด้านความสัมพันธ์กับเพื่อน ๆ ตลอดถึงคนรอบข้างในอนาคตได้

3. การชมแบบประชดประชัน

อีกหนึ่งคำพูดชื่นชมลูกที่ควรหลีกเลี่ยงคือ คำพูดชื่นชมลูกแบบประชดประชัน เช่น  “ถ้าเป็นเด็กดีแบบนี้ทุกวัน แม่คงไม่ต้องบ่น” หรือ “ถ้าขยันแบบนี้ตลอด คงได้คะแนนดีไปแล้ว” การชมแบบนี้จะทำให้เด็ก ๆ รู้สึกไม่ดีหรือเหมือนถูกด่ามากกว่าถูกชม เพราะเขาจะรู้สึกว่าคำชมที่พวกเขาได้รับนั้นไม่มีความจริงใจ ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดความรู้สึกท้อแท้และล้มเลิกความพยายามในการทำสิ่งนั้น ๆ ไปในที่สุด

4. การชมโดยการเปรียบเทียบกับผู้อื่น

คำพูดชื่นชมลูกที่เปรียบเทียบกับผู้อื่น เช่น “ทำไมลูกทำได้แค่นี้ ดูเพื่อน ๆ สิ ทำไมไม่เก่งเหมือนเขา” จะทำให้เด็กมี Self-Esteem ต่ำลง พวกเขาจะรู้สึกด้อยค่าและสูญเสียความมั่นใจในตัวเอง การเปรียบเทียบแบบนี้อาจทำให้เด็กไม่อยากพัฒนาตัวเอง เพราะพวกเขาจะรู้สึกว่าต้องแข่งขันกับคนอื่นแทนที่จะโฟกัสกับการพัฒนาความสามารถของตัวเองอย่างแท้จริง

คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ที่ไม่รู้คำพูดชื่นชมลูกควรเริ่มต้นอย่างไร

สำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ที่อยากพูดประโยค ให้กำลังใจลูก แต่ยังไม่คุ้นเคยกับคำพูดชื่นชมลูก ครูแก๊ปแห่ง SMART-i Camp ขอแนะนำให้เริ่มต้นด้วยการสังเกตและชมในสิ่งที่ลูกทำได้ดีโดยไม่ต้องคิดซับซ้อน โดยเริ่มจากสิ่งเล็ก ๆ อย่างการที่ลูกช่วยเก็บของเล่นหรือทำการบ้านเสร็จ แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่การชื่นชมในความพยายามและการกระทำที่ดีจะช่วยให้ลูกเข้าใจว่า ความตั้งใจและการทำสิ่งดี ๆ สำคัญกว่าผลลัพธ์ที่ออกมา ที่สำคัญต้องมอบคำพูดชื่นชมลูกด้วยความจริงใจ เพื่อให้คำพูดนั้นมีความหมายและทำให้พวกเขารู้สึกคุณค่า ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาความเชื่อมั่น ตลอดถึงการค้นหาตัวตนของลูกในอนาคต

คำพูดชื่นชมลูกที่เหมาะสมไม่เพียงเป็นการแสดงความรักหรือการสอนการเป็นลูกที่ดีเท่านั้น แต่ยังเป็นการช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในตัวเองและการพัฒนาทางจิตใจให้แก่เด็ก ๆ ด้วย โดยคุณพ่อคุณแม่สามารถมอบประโยค ให้กำลังใจลูกได้จากคำชมที่จริงใจ เพื่อให้พวกเขาเข้าใจว่าพฤติกรรมใดที่ควรทำต่อไปและเสริมสร้าง Self-esteem ของพวกเขาในระยะยาว และสำหรับคุณพ่อคุณแม่ท่านใดที่อยากสนับสนุนให้ลูกน้อยพัฒนาตัวเองอย่างมากคง ครูแก๊ปขอแนะนำ SMART-i Camp ค่ายปิดเทอมที่จะช่วยให้เด็ก ๆ พัฒนาตัวเองรอบด้าน ทำให้พวกเขาสามารถเสริมสร้างทักษะชีวิต ค้นหาตัวจน และมีความมั่นใจสู่การเติบโตในอนาคตมากยิ่งขึ้น